ถาม : มีคนถามเรื่องการปฏิบัติแล้วผมตอบไม่ได้ แกพิจารณาว่าของทั้งหลายในโลกนี้เป็นของสมมติ ลักษณะเหมือนกับว่าเรากำลังเล่นเกมอยู่ พอหมดเวลาเกมดับก็จบ ...(ไม่ชัด)... กลายเป็นตัวใหญ่เท่าจักรวาล แล้วก็สว่างวาบทีเดียว ตรงนี้ผมพอเข้าใจ แต่ผมไม่เข้าใจตอนท้ายที่แกพิจารณาว่าไม่มีสวรรค์ ไม่มีพระนิพพาน แล้วก็สว่างวาบ แต่ที่ผมเคยเจอ คือตัวเองไม่มี สรรพสิ่งในโลกไม่มี หายปุ๊บ ดับไป สว่างแล้วจิตไปอยู่ที่นิพพาน แต่ของแกนิพพานไม่มี ผมเลยถามว่าพอถอนจิตออกมาสังโยชน์ยังอยู่ครบไหม แกบอกยังอยู่ครบ ผมก็เลยตอบไม่ได้ว่าตัวนี้ต้องแก้อย่างไร ต้องเพิ่มอย่างไร ?
ตอบ : ถ้ามีความเข้าใจจริง ๆ ในเรื่องของกรรมดีกรรมชั่วแบบยถากัมมุตาญาณ ก็สามารถที่จะกำหนดได้ว่า นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี พรหมไม่มี นิพพานไม่มี เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการกระทำ ถ้าท้ายสุดขึ้นมาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแล้ว ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแล้ว ก็ต้องมีสักจุดหนึ่งที่เราเป็นผู้อาศัย ฉะนั้น...ดูเอาก็แล้วกันว่าจะประกันความเสี่ยงอย่างไร
ถาม : ประกันความเสี่ยงอย่างไร คือ ?
ตอบ : เกาะดีไว้ก่อน ถึงแล้วค่อยปล่อยดี
ถาม : แสดงว่าที่เห็นตรงนี้ยังไม่ใช่ปัญญาจริง ถ้าเป็นอรูปฌาน ตรงนี้ผมว่าไม่น่าใช่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นฌานในวิปัสสนา แต่คราวนี้วิปัสสนาของเราก็ยังไม่ใช่วิปัสสนาจริง ๆ ก็คือเป็นการพิจารณาแล้วสภาพจิตทรงเป็นฌานไปเอง วิปัสสนาจริง ๆ ต้องเห็นจริงแล้วปล่อยวางได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2018 เมื่อ 07:47
|