ก็มานั่งคิดอยู่หลายวัน คิดไปคิดมาว่า พระสงฆ์สมัยพุทธกาล มีศีล ๒๒๗ ข้อเต็ม ๆ ท่านยังเป็นพระอรหันต์กันมานับไม่ถ้วน สมัยนี้ศีลเหลือแค่ไม่กี่ข้อเอง ถามว่าแล้วที่เหลือหายไปไหน ? ก็ไม่ได้หายหรอก อย่างโอวาทวรรค ในปาจิตติยกัณฑ์ เกี่ยวกับการให้โอวาทภิกษุณี จะไปให้ที่ไหน ? ภิกษุณีไม่มีแล้ว แล้วศีลพระเกี่ยวกับการสร้างสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร อาสนะ ที่เรียกว่า “สันถัต”
หล่อสันถัต สมัยนี้หล่อกันเป็นไหม ? จะเป็นกระบะไม้ ใหญ่เท่าที่เราต้องการนั่ง เอากาวหนังสัตว์ที่เคี่ยวเอาไว้ทาลงไปบาง ๆ แล้วก็เอาขนสัตว์ที่เรียกว่า “ขนเจียม” โรยลงไปจนทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วก็ทากาวอีกชั้นหนึ่ง แล้วก็โรยอีก ทากาวอีกชั้นหนึ่ง โรยอีก จนได้หนาขนาดที่ต้องการ ไม่ใช่การตัด ไม่ใช่การเย็บ เขาถึงได้เรียกว่าหล่อ ของพวกนี้เราก็ไม่ต้องทำเอง ทำจีวรเท่าพระสุคต ก็ไม่ต้องทำเอง ไปขอด้ายจากผู้ที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณา ก็ไม่ต้องขอ จีวรสมัยนี้สำเร็จรูปหมดแล้ว
กำไรศีลไปตั้ง ๓๐-๔๐ ข้อแบบนี้แล้ว ถ้าบวชแล้วมึงยังลงนรกอีกก็ลง ๆ ไปเถอะ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2019 เมื่อ 04:04
|