ส่วนที่เราชอบก็สร้างให้ราคะกับโลภะให้เกิดขึ้นในใจของเรา ก็คือยินดีแล้วอยากมีอยากได้ ส่วนที่ไม่ชอบก็ก่อให้เกิดโทสะขึ้นในใจของเรา ก็คือหงุดหงิด กลัดกลุ้ม ไม่อยากมี ไม่อยากได้ เครียด
ทั้ง ๒ อย่างไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เรายินดีหรือไม่ยินดีก็ตาม เป็นเครื่องร้อยรัดเราให้จมอยู่ในวัฏสงสารทั้งคู่ จึงต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของโลกธรรมทั้งหลายเหล่านี้ แล้วอยู่ในลักษณะสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ยินดียินร้าย ฝ่ายดีเข้ามาก็เสพรับอย่างมีสติ ฝ่ายไม่ดีเข้ามาก็ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน เพราะเข้าใจดีว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรทรงตัวอยู่ได้ตลอดกาล
ถ้าท่านสามารถทำอย่างนี้ได้ โลกธรรมก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อท่านทั้งหลายได้ ถ้าสภาพจิตปลดละปล่อยวางได้อย่างแท้จริง ท่านทั้งหลายก็สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2019 เมื่อ 03:43
|