๘."กุฎิแดงภาคสอง..หลวงพี่...น่ากลัวกว่าผี"
หลังจากวนเวียนหาสถานที่สิงสถิต (ขอใช้สำนวนให้มันดูชวนน่าสนุก) ในการนั่งสมาธิ ก็พบมีหลาย ๆ สถานที่ภายในวัดที่ส่งเสริมในเรื่องของทำสมาธิเป็นอย่างยิ่ง เช่น กุฏิเจ้าที่,วิหารสมเด็จองค์ปฐม,กุฏิหลวงปู่สาย,บนศาลาหน้าองค์,บนพระเจดีย์ที่ยอดเขา (เดิน ขึ้น-ลง สักสามรอบแล้วคุณจะรู้ว่า ข้อเข่าของคุณนั้นยังแข็งแรงอยู่หรือไม่) และสถานที่วัดใจแบบสุด ๆ ได้แก่ "ป่าไผ่ในป่าช้า"
พวกกระผมเคยออกเดินสำรวจช่วงประมาณสองทุ่มมาแล้ว ตอนแรกมีอาสาสมัครอยู่หลายรูป พอไปเข้าจริง ๆ เหลือแค่ ๖ รูป นำทีมโดย "ท่านพระครูน้อย" แรกก็เดินกันห่าง ๆ พอเข้าไปในป่าช้าลึก ๆ บรรยากาศของต้นไม้ก็ดี ความมืดก็ดีมันทำให้สามัคคีกลมเกลียวกันโดยอัตโนมัติ ชนิดที่เรียกว่า "คุณก้าว,ผมก็ก้าว,คุณหยุดผมก็หยุด,หากคุณจะวิ่ง,กรุณาตะโกนบอกและรอผมด้วยนะ" หมั่นเช็คยอดคนอยู่เสมอว่า มา ๖ ท่านมันจะกลายเป็น ๗ หรือไม่ ? หลังจากผ่านป่าช้ามาได้ อะไร ๆ ก็ดูง่ายไปหมด ก็เหลือแค่กุฏิแดงที่ต้องไปแก้มืออีกครั้ง.......
และแล้ว "นัดล้างตา" ก็เกิดขึ้น คราวนี้มีผู้ร่วมอุดมการณ์เพิ่มอีกสามรูป ได้แก่ หลวงพี่ปู,หลวงพี่ต้อม,หลวงพี่ขวัญชัย,กระผมและหลวงพี่ปราโมช กลายเป็นห้าเกลอหัวแข็ง ผีก็ผีเถอะ คราวนี้มากันเป็นหมู่คณะ แต่เพื่อความไม่ประมาทกระผมเองก็บอกเตือนทุกท่านอีกครั้งว่า "กรุณาแสดงความเคารพต่อสถานที่ด้วยนะครับและเจออะไรแล้วกรุณาอย่าวิ่ง ให้ผมดูดี ๆ ก่อนหากกระผมวิ่งก็ตามสุดฝีเท้าได้เลย"
ว่าแล้วก็ค่อย ๆ เดินเกาะกลุ่มกันขึ้นไป ผมเองเรื่องการเก็บอาการนั้นรับรองไม่มีใครสู้ได้ "ทำเป็นนิ่ง" แต่ในใจมันเต้นอย่างกับว่าเสียงหัวใจมันมาเต้นอยู่ที่ต้นคอ
หลังจากกราบพระ,กราบสถานที่แล้วเปิดพัดลมและไฟไว้หนึ่งดวงผมเองก็หาข้ออ้างต่อพระเพื่อนไปว่า "ให้อากาศมันถ่ายเทและเปิดไฟสักดวงสร้างบรรยากาศ
" หลังจะเปิดไฟล์เสียงบวงสรวงชุมนุมเทวดาของ "หลวงพ่อฤๅษี" จากโทรศัพท์มือถือเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว หลังจากนั้นก็ร่วมกันบูชาพระรัตนตรัย,สมาทานพระกรรมฐาน แล้วกระผมก็นำพระเพื่อนทุกรูป "ตัดร่างกาย,ไล่นิวรณ์" ว่ายังมีข้อใดคั่งค้างอยู่ในใจหรือไม่ เมื่อทุกท่านสงบดีแล้วก็นำไปกราบพระที่พระนิพพาน อารมณ์กำลังสงบได้กำลังได้ความรู้สึก อยู่ ๆ !!!!
ไฟที่เปิดเอาไว้ก็ดับลง! กระผมเองพยายามใช้หูให้เป็นประโยชน์มากที่สุดฟังว่ามีใครวิ่งก่อนผมหรือไม่พร้อมกับเร่งคำภาวนาเต็มที่ สัมปจิตฉามิ ๆ ๆ ๆ เท่าที่สังเกตทุกท่านยังนั่งกันเป็นปกติ (งานนี้ตูโดนอีกแล้วใช่หรือไม่....) ใจดีสู้เสือพูดออกไปเตือนสติทุกท่านว่า "เอาใจอยู่ที่คำภาวนา เอาจิตจดจ่ออยู่ลมหายใจ" (ปลอบใจพระเพื่อน ๆ และตัวเอง) หลังจากนั้นไม่นาน "พัดลม" ที่เปิดอยู่ อยู่ ๆ มันก็ปิดเองโดยอัตโนมัติ!!!
เหมือนเดิมตามสเต็ปของผมคือพยายามใช้หูให้เป็นประโยชน์มากที่สุดฟังว่ามีใครวิ่งก่อนผมหรือไม่ พร้อมกับเร่งคำภาวนาเต็มที่ สัมปจิตฉามิ ๆ ๆ ๆ เท่าที่สังเกตทุกท่านยังนั่งกันเป็นปกติ ใจดีสู้เสือ พูดออกไปเตือนสติทุกท่านว่า "เอาใจอยู่ที่คำภาวนา เอาจิตจดจ่ออยู่ลมหายใจ เรามาทำกรรมฐาน เรามาทำความดีและความดีนี้เราขอให้ทุกท่านในที่นี้ร่วมโมทนา เรา....." ไม่ทันขาดคำ ไฟที่ปิดอยู่ (มืดสนิท) ก็ติดขึ้นเองอีกครั้ง ทุกท่านเริ่มหวั่นไหวแล้ว ผมเองก็ทนไม่ไหวแล้ว จึงค่อย ๆ กลั้นใจลืมตาดู (หากเจออะไร คราวนี้กะว่าจะส่งสัญญาให้ทุกท่านวิ่งแล้ว) หลวงพี่ขวัญชัยเองก็เช่นกัน
สิ่งที่เห็นประจักษ์เต็มสองตา ก็คือหลวงพี่ปูกำลังเดินจะเอาปลั๊กพัดลมไปเสียบ!!!
หลังจากนั้นทุกท่านก็ออกจากสมาธิตามเวลาไล่เลี่ยกันและแล้วการสนทนาก็เกิดขึ้น
หลวงพี่ขวัญชัย : หลวงพี่ปู...ทำเอาไรน่ะ คนอื่นเขาตกใจกันหมด มันไม่ดีนะแบบนี้ กลัวมาก ๆ เดี๋ยวมันจะบ้าสติแตกกันไป หลวงพี่ใช่ไหมที่ปิดไฟ,แล้วปิดพัดลม ?
หลวงพี่ปู:ผมไม่ได้ปิดพัดลม..ผมถอดปลั๊กพัดลม ที่ปิดไฟก็เพื่อสร้างบรรยากาศ..ผมอยากฟังหลวงพี่รัตน์นำนั่งมโนฯ แบบชัด ๆ
หลวงพี่ต้อมหันมายิ้มแบบสีหน้าถอดสีพร้อมพูดว่า "ถ้าหลวงพี่ปูเอามือมาจับตัวผมตอนที่ไฟมันดับอยู่ผมคงสติแตกแน่ ๆ"
หลวงพี่โมช : มันอันตรายนะ "หลวงพี่ปู" แบบนี้คนที่เขาจิตไม่แข็งพอจะสติแตกได้
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : ผมนึกว่างานนี้เจอของจริงเข้าแล้ว ลองหลวงพี่ปูเอามือมาจับตัวผม ผมก็วิ่งเหมือนกัน แต่ระหว่างเป็นลมก่อนกับวิ่งก่อนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าอันไหนจะเกิดก่อนกัน
หลวงพี่ขวัญ : เราออกไปก่อนดีกว่าวันนี้ โอ้โห......มันน่านะ (ท่านหัวเสียไปเลย)
หลวงพี่ปูก็ยิ้มแบบแห้ง ๆ ไปตามระเบียบและแล้วข่าวการผจญภัยบนกุฏิแดงก็แพร่สะพัดออกไปยังเพื่อนพระท่านอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะกันท้องแข็ง.....
---------------------------------------------------------
หลวงพี่ขวัญชัยกับภาระกิจที่ได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อ "งานดูแลรองเท้าของพระผู้ใหญ่" ที่มา "งานบุญครบรอบวันมรณภาพ ปีที่ ๑๗ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) วันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๒"
หลวงพี่ปูประจำตรง "โต๊ะรับลงทะเบียนพระ-เณรจากตำบลต่าง ๆ" ที่มา "งานบุญครบรอบวันมรณภาพ ปีที่ ๑๗ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) วันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๒"