"ตอนนั้นหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านชวนอาตมาเรียนหนังสือ ช่วงนั้นต้นปี ๒๕๓๓ มีข่าวว่าอาตมาสอบนักธรรมเอกได้ที่ ๑ ของจังหวัด หลวงพ่อท่านไปชวนให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ กราบเรียนท่านว่า การเรียนเขาเรียนกันอย่างไร ? ท่านบอกว่าท่านเปิดเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นบาลีพุทธศาสตร์ ต้องลงทะเบียนเรียนตามเวลาเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น
อาตมาบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถวายท่านเจ้าคุณไปหาทางด้านอื่นเถอะ ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น ท่านก็บอกว่าน่าเสียดายนะ เรียนเก่งขนาดนี้ น่าที่จะไปเรียนต่อ ก็ลืม ๆ กันไป จนกระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ อาตมาจัดงานศพถวายท่านครบ ๑๐๐ วัน ส่งท่านขึ้นมณฑปที่วิหาร ๑๐๐ เมตรแล้วก็ไปธุดงค์ เปะปะไปอยู่ทางทองผาภูมิ จนกระทั่งกลายเป็นเจ้าอาวาส กลายเป็นเจ้าคณะตำบล พอเป็นเจ้าคณะตำบล ทางคณะสงฆ์ส่งให้ไปเรียนต่อ บอกว่าจะได้มีความรู้มาบริหารงานคณะสงฆ์
หลักสูตรแรกที่เรียนเลย คือประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ก็ปรากฏว่าตอนนั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดพิชัยญาติฯ ท่านเลื่อนจากพระราชปริยัติโมลีขึ้นมาเป็นถึงพระธรรมโมลีแล้ว พอเห็นหน้าท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่า "เป็นอย่างไรล่ะ ? ท้ายสุดก็ต้องมาเป็นลูกศิษย์ผมจนได้" อาตมาก็เลยเรียนไปเรื่อยจนจบปริญญาเอก ช่วงระหว่างกลางก็แวะไปกราบท่านเป็นระยะ ไปทีหนึ่งก็ต้องพกพระเครื่องไปถวายท่าน เพราะว่าท่านชอบ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2019 เมื่อ 20:20
|