ถ้าหากว่าท่านตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ ถ้ายังมีคำภาวนาก็ภาวนา ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกก็ดูลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่มีคำภาวนาไม่มีลมหายใจเข้าออก เรากำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ไม่คิดไปดิ้นรนอยากให้มันมา และไม่ไปผลักไสอยากให้มันไป ถ้าทำอย่างนั้นได้กำลังใจก็จะก้าวลึกไปอีกขั้นหนึ่ง
แรก ๆ อาจจะรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ แถวปลายจมูกแถวริมฝีปากหรือแถวคาง แล้วความเย็นนั้นก็แผ่กระจายตัวออกเป็นวงกว้างไปเรื่อย ๆ หรือบางทีก็รู้สึกว่าเย็นรวบเข้ามาทางปลายมือปลายเท้า รวบเข้ามา....รวบเข้ามา ไม่ว่าความเย็นจะเป็นลักษณะไหน จากข้างบนลงข้างล่างก็ดี จากข้างล่างขึ้นข้างบนก็ดี ถ้าเรากำหนดใจรู้ไว้เฉย ๆ ว่าเป็นดังนั้น โดยไม่ไปกลัว ไม่ได้อยากให้มา ไม่ได้อยากให้ไป กำลังนั้นก็จะก้าวลึกเข้าไปอีก จนกระทั่งบางทีรู้สึกว่าชาแข็งไปทั้งตัวเหมือนกับโดนสาปเป็นหินก็มี หรือว่ารู้สึกเหมือนโดนเขามัดติดกับผนังหรือว่าติดกับต้นเสาชนิดกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ แข็งโป๊กไปเลยก็มี ถ้าอย่างนั้นท่านกำลังก้าวสู่สมาธิระดับที่ ๓ เรียกว่าตติยฌาน คือความเคยชินระดับที่ ๓
ถ้าท่านทำใจสบาย ๆ กำหนดรู้อยู่ว่าตอนนี้มันเป็นดังนี้ ไม่คิดไปขับไสไล่ส่ง หรือไม่คิดไปอยากให้มันก้าวหน้ามากกว่านั้น เมื่อตามดูตามรู้ไปเรื่อย ความรู้สึกจะรวบเข้ามาเหลือจุดเดียว มาสว่างเจิดจ้าอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นในอก ในท้อง ในศีรษะ หรือตรงหน้าของเราเป็นการเฉพาะ ตอนนี้หูไม่ได้ยินเสียงภายนอกแล้ว อย่าว่าแต่จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส หรือกายสัมผัสเลย ลักษณะเยี่ยงนี้ลมหายใจเข้าออกไม่มีแล้ว คำภาวนาไม่มีแล้ว เราจะอยู่สุขสบาย ผ่องใสเยือกเย็นอยู่กับกำลังส่วนนี้ ถ้าต้องการจะคลายออกเมื่อไรให้กำหนดใจไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นจะเลยเวลา ถ้าท่านทำถึงตรงนี้ได้ แสดงว่าสมาธิของท่านก้าวสู่ระดับที่ ๔ เรียกว่าฌาน ๔ หรือจตุตฌาน ความเคยชินระดับที่ ๔
สิ่งทั้งหลายที่ได้กล่าวมานี้เพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ชอบถามปัญหาเรื่องของอารมณ์ฌานแต่ละระดับว่ามีอย่างไรบ้าง ก็เอาไปเปรียบเทียบดูว่าตัวเราไปถึงระดับไหนแล้ว แต่ว่าต้องไม่ไปตามจี้ดูว่าตอนนี้ถึงขั้นนี้ สักพักหนึ่งจะเป็นขั้นนี้ ถ้าทำอย่างนั้นอารมณ์ใจขาดอุเบกขา ไม่รู้จักปล่อยวาง สมาธิก็จะไม่เกิด เมื่อท่านเปรียบเทียบแล้วก็ขอให้ทราบว่าสิ่งที่พูดมานั้นเป็นแค่ส่วนหยาบเท่านั้น บางทีรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย กำหนดรู้แล้วเปรียบเทียบดูว่าใกล้เคียงข้อไหน ควรจะเป็นกำลังใจระดับไหน ก็ลองเทียบดูเอาด้วยตนเอง
สำหรับตอนนี้ก็ให้ทุกท่านส่งกำลังใจเกาะภาพพระหรือเกาะพระนิพพานไว้ ภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัยของเราจนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๒
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-11-2009 เมื่อ 15:49
|