๙. นิมิตจากในหลวง
ประเทศไทยของเราโชคดีกว่าทุกประเทศในโลก เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม เป็นหลักชัยของมหาชนทั้งแผ่นดิน ยิ่งองค์ภูมิพลมหาราชด้วยแล้ว เป็นสุดยอดของพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงธรรมเลยทีเดียว... “ท่านผู้รู้” เมตตาเล่าว่า องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเรานั้น เป็นพระโพธิสัตว์ผู้เลิศด้วยบารมี ได้ทิพยจักขุญาณตั้งแต่พระชนมายุ ๗ พรรษา ทรงปฏิบัติธรรมได้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก สามารถทรงสมาธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ..!
หลังจากออกจาก
พระจุฬามณีแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสด็จนำอาตมา ไปยังดินแดนแห่งเอกันตบรมสุขคือ
พระนิพพาน อาตมาได้พบเห็น
เมืองแก้ว แพรวพราวงามระยับจับตา สูงส่งสง่า สงบ เยือกเย็น เป็นสุขสบายจนบอกไม่ถูก... อาตมาได้มีโอกาสได้เข้าไปกราบ
สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๑ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสุด พร้อมด้วยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระอรหันตเจ้าทั้งหมด... ถ้าใครบอกว่าเป็นการสะกดจิต เป็นการนึกฝันเอาเอง อาตมาก็ยอมให้สะกดจิต ยอมเพ้อฝันเอาเอง ขอให้มีคนสามารถสะกดจิตให้คนไปพระนิพพานได้จริง ๆ เถอะน่า จะยอมให้สะกดทั้งชาติเลยสิเอ้า...ถ้าท่านทำไม่ได้ ก็อย่าแสดงความโง่ด้วยการปฏิเสธเลย...!
ออกจากวิมานขององค์สมเด็จพระบรมสุคต อาตมาก็ตรงไปยังวิมานของตน ที่หน้าวิมานนี่เอง อาตมาพบองค์ในหลวงในเพศพระภิกษุห่มจีวรเหลืองอร่าม ในพระหัตถ์ทรงบาตร ประทับยืนขวางทางอยู่... อาตมาถวายบังคมอย่างปลาบปลื้มใจ ทูลถามว่า เสด็จมาด้วยพระประสงค์ใด พระองค์ชี้พระดัชนีลงในบาตร อาตมาเห็นว่ามีน้ำอยู่ครึ่งบาตร และมีเรือสำเภาลำน้อยลอยวนอยู่...
ทันใดนั้น...อาตมาลงไปอยู่ในเรือได้อย่างไรไม่รู้ น้ำในบาตรกลายเป็นมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตา กระแสน้ำกลายเป็นวังวนมหึมา หมุนวนเชี่ยวกรากน่าสะพรึงกลัว ดูดเอาเรือสำเภาที่มีอาตมาอยู่ในนั้นเข้าไปใจกลางวังวนอย่างรวดเร็ว...!
“ทำไมมาแกล้งกันแบบนี้...!” อาตมาตะโกนด้วยความตกใจ องค์ในหลวงมีดำรัสว่า
"หาทางขึ้นมาซิ..." พริบตานั้น...ปรากฏเส้นเชือกใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนพาดจากฝั่งมายังเรือ อาตมาเลือกเชือกเส้นใหญ่ที่สุด ปีนกลับขึ้นมาบนฝั่งอย่างง่ายดาย กราบทูลถามว่า
"นิมิตนี้หมายถึงอะไรพระเจ้าข้า..?" ทรงตรัสว่า
"นานไปแล้วเธอจะรู้เอง"....
หลังจากนั้นหลายปีมีผู้รู้พยากรณ์นิมิตนั้นว่า
เรือสำเภาหมายถึงพระโพธิสัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร แสดงว่าอาตมาคงบำเพ็ญบารมีมาในด้านนี้ แต่การที่สละเรือขึ้นสู่ฝั่งแปลว่า
อาตมาต้องลาจากพุทธภูมิ...! เชือกเส้นใหญ่ที่สุดที่อาตมาเลือกเพื่อปีนขึ้นฝั่ง คือหนทางปฏิบัติที่อาตมาเห็นว่ามั่นคงที่สุด ที่จะพาตนพ้นจากวัฏสงสารเข้าสู่ดินแดนแห่งพระนิพพาน คือการที่อาตมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อนั่นเอง...!
องค์ในหลวงของเราทรงปฏิบัติภารกิจ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนทุกถ้วนหน้า อย่างมิคำนึงถึงความเหนื่อยยากของพระองค์ เกียรติคุณของพระองค์ท่าน ขจรขจายไปทั่วโลก ทุกชาติทุกภาษาทั้งอิจฉาทั้งเลื่อมใส ที่เรามีผู้นำที่วิเศษเห็นปานนี้... ดวงแก้ววิเศษอยู่กับเราแล้ว อีกกี่ยุคกี่สมัยจึงจะมีเช่นนี้อีก ขอทุกท่านจงคำนึงและยึดมั่นปฏิบัติตามในพระราชดำรัสของพระองค์ สิ่งใดที่เป็นการแบ่งเบาพระราชภาระ และแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ขอทุกคนจงทำสิ่งนั้นอย่างเต็มสติกำลังโดยถ้วนหน้ากันเถิด...
บารมีพระมากพ้น รำพัน
พระพิทักษ์ยุติธรรม์ ถ่องแท้
บริสุทธิ์ดุจดวงตะวัน ส่องโลก ไซร้แฮ
ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วย บิตุรงค์
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ