ข้อสุดท้ายท่านให้ศึกษา อธิปัญญาสิกขา คือการใช้ปัญญาอย่างยิ่ง ในการที่จะตามดูตามรู้ให้เห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ เห็นความเป็นจริงในร่างกายคนอื่น เห็นความเป็นจริงในร่างกายสัตว์อื่น เห็นความเป็นจริงในสรรพวัตถุทั้งหลาย ว่ามีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้
เมื่อเห็นจริง ยอมรับ ก็ถอนจิตจากการยึดมั่นถือมั่นในอัตภาพร่างกายนี้ ถอดจิตจากการยึดมั่นถือมั่นในโลกนี้ อยู่ที่ว่าเราสามารถถอนได้มากน้อยกว่ากันเท่าไร ถ้าหากว่าทำได้มาก ก็กลายเป็นพระอรหันต์ พ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ทำได้ปานกลางก็เป็นพระอนาคามี พ้นจากการเกิดชั่วคราว แต่ต้องไปรอการเข้าสู่พระนิพพานเบื้องบน ถ้าทำได้น้อยก็เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ๑ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ๗ ชาติบ้าง ตามแต่ความหยาบละเอียดของกำลังใจที่เข้าถึง
ดังนั้น...ในการศึกษาที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่การศึกษาทางโลกอย่างเช่นที่อาตมภาพสร้างวิทยาลัยสงฆ์เพื่อให้คนระลึกว่า ให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษา แต่เป็นการศึกษาทางธรรม ศึกษาเข้ามาภายในร่างกายนี้ หลักธรรมทั้งหลายล้วนแล้วแต่อยู่ในร่างกายที่กว้างศอก ยาววา หนาคืบนี้ ไม่ได้ไปไกลกว่านี้เลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2019 เมื่อ 19:03
|