พระอาจารย์ก็บอก..ดี..ดี..มีเหตุผล ผมไม่ค้านเลย แต่ผมลืมเล่าให้ทุกท่านฟังอยู่เรื่องหนึ่ง.. คือก่อนหลวงพ่อท่านจะมรณภาพสัก ๑ เดือน หลวงพ่อเรียกผมเข้าไปหา.. พูดเรื่องยันต์เกราะเพชรว่า
"เออ..นันต์ จำไว้ไปบอกกันด้วย หลวงปู่ปานเคยบอกว่า คนที่จะเป็นอาจารย์เป่ายันต์เกราะเพชรให้ศิษยานุศิษย์ได้นั้น จะต้องมีความสามารถเป็นพิเศษ ที่จะรู้กฎของกรรมเฉพาะหน้าของศิษย์ทั้งหลายจะได้บอกให้จิต ทำอารมณ์ให้ตรงกับที่ท่านผู้เป็นใหญ่ผู้มีทิพยอำนาจผู้ประสาทพิธีลงมา เพราะฉะนั้นต้องมีใจเป็นทิพย์มั่นคงไม่ถอยหลังแล้วคือ ...
ต้องเป็นพระอรหันต์วิชชา ๓ เป็นอย่างน้อย
หรือต้องเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้วอย่างหลวงปู่ปาน เป็นต้น
จึงจะรับคำสั่งจากท่านเบื้องบน มีสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประธาน.. แล้วประสาทบอกอารมณ์ควบคุมอารมณ์ศิษย์ที่เข้าพิธีได้
แล้วพระอาจารย์อนันต์ก็พูดต่อว่า ผมพร้อมที่จะจัดพิธีเป่ายันต์ให้ แต่ผมเป่าไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เป็นพระอรหันต์เหมือนหลวงพ่อ.. และก็ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้วเหมือนหลวงปู่ปาน..
เอ้า !... ใครเป็นพระอรหันต์วิชชาสามเป็นอย่างน้อย หรือเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้วบ้าง.. ยกมือขึ้นนะครับ... ผมจะน้อมจัดพิธีเป่ายันต์ถวาย มีไหมครับ?...
ในขณะบัดนั้นก็เงียบสนิท ไม่มีมือยกรับรองตัวเอง..
แล้วพระอาจารย์ก็บอกว่า เมื่อยังไม่มีผมก็ยังไม่กล้าจัดเป่ายันต์เพราะจะขัดคำครูบาอาจารย์ พวกเรามาเร่งความเพียรกัน ใครเป็นพระอรหันต์เมื่อไร เป็นพระโพธิสัตว์พร้อมจะตรัสรู้เมื่อไรบอกผมด้วย จะได้จัดพิธีถวาย
ตั้งแต่วันนั้นมา ในวัดท่าซุงก็ไม่พูดถึงเรื่องจัดเป่ายันต์เกราะเพชรอีกเลย...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทาริกา : 17-11-2009 เมื่อ 10:06
|