๒๒.หลวงพี่จะรังเกียจหรือไม่ขอรับ ถ้าอมนุษย์จะขอติดรถไปด้วย . (โกยเถอะ..!
โยม)
เวลาผ่านไปช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน ความสงบในธรรมแห่งเกาะพระฤๅษีนี้ ทำให้กระผมมีความรู้สึกไม่อยากจะจากไปเลย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอยู่ลึก ๆ "เราจะคงสภาพความสงบอันจะหาอะไรมาเทียมเท่าเช่นนี้ได้อีกไม่นานแล้วหนอ" ที่นี้ไม่วุ่นวายหนอ ประโยคนี้ผุดแล่นเข้ามาในความคิดรวดเร็วเหมือนรถไฟฟ้ามหานคร (สำนวนมันพาไป...ไปไหนอันนี้กระผมไม่ทราบครับ)
ความมีน้ำใจไมตรีจากพระพี่พระน้อง รวมถึงแม่ชีทุก ๆ ท่าน ทำให้กระผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้าน The Star ค้นคว้าหาดาว (สำนวนมันพาไป...ไปไหน? อันนี้กระผมไม่ทราบครับ) มีหลาย ๆ เรื่องที่เป็นเหมือน "จิ๊กซอว์" มาต่อเติมและมาเติมเต็มช่องว่างที่หายไปในเรื่องการปฏิบัติธรรมของกระผม ด้วยความมีน้ำใจจากเจ้าบ้านทุกท่านแห่งเกาะพระฤๅษี
แม่ชีปุ๊ก:"หลวงพี่...ของหลวงพี่นะใกล้แล้วนะ...ขาดที่ยังลังเลสงสัยอยู่เท่านั้นเอง แล้วแม่ชีขอเสริมว่าพยายามปรับเปลี่ยนมาเป็นเดินจงกรมให้มากขึ้นค่ะ"
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์: "ขอบคุณแม่ชีมากที่แนะนำ"
แม่ชีปุ๊ก:"เก็บเกี่ยวไปให้เต็มที่เลยนะหลวงพี่ แม่ชีขอโมทนาอย่างยิ่ง"
ความมีน้ำใจเหล่านี้ เมื่อนึกย้อนไปถึงที่ไร นี่คือกำลังใจในการปฏิบัติ และแล้ววันสุดท้ายที่เกาะพระฤาษีก็มาถึง คืนนั้นกระผม หลวงพี่กวาง แม่ชีปุ๊ก โยมหม่อม พวกเรานั่งสนทนาธรรมกันอยู่จนดึก ทั้งสองท่านร่วมบุญปัจจัยในการสร้างบล๊อกแบบพระอุปคุตและค่าใช้จ่ายในพิธีบรวงสรวงพระอุปคุต
หลวงพี่กวาง:"ผมโมทนากับหลวงพี่รัตน์เป็นอย่างยิ่ง ผมเองไม่ได้มีโอกาสทำ โอกาสสร้าง แต่ก็ขอร่วมบุญด้วยถือว่าได้ร่วมสร้าง ตอนที่คณะหลวงพี่ขอผาติกรรมพระพุทธรูปไปประดิษฐานบนซุ้มพระเจดีย์ที่ยอดเขา ผมเองก็ขอโมทนาด้วยอย่างยิ่ง พวกเราทางนี้ทราบข่าวแล้วก็ดีใจกับคณะหลวงพี่ทุก ๆ ท่านที่วัดท่าขนุน แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายที่ไม่ได้ทราบข้อมูลข่าวสารให้ทันท่วงที"
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์:"สาธุขอรับหลวงพี่และแม่ชี กระผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ถือว่าเราทุกท่านได้ร่วมสร้าง ร่วมทำ ร่วมจรรโลงพระศาสนา ก็ขออนุโมทนาบุญกับหลวงพี่กวางและแม่ชีขอรับ
พรุ่งนี้กระผมกะว่าจะออกเดินทางตั้งแต่ตีสองครับ เพราะระยะทางร่วมพันกิโลเมตร อย่างไรก็ใช้เวลาร่วมสิบสองช่วงโมงอยู่แล้วครับ
หากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กระผมและคณะได้ล่วงเกินไปด้วย กาย วาจา ใจ ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ด้วยประมาณพลาดพลั้งก็ดี ขอหลวงพี่และตลอดจนทุก ๆ ท่าน ณ.ที่นี้โปรดอภัยและอโหสิกรรมให้กระผมและคณะด้วยขอรับ"
เมื่อร่ำลาและขอขมากรรมกันแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไป คืนนั้นกระผมนอนไม่หลับ ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ภาวนาแล้วก็ไม่หลับ
สงสัยว่าคงปีติในธรรมที่เราสนทนากัน ตีหนึ่งกระผมลุกขึ้นมาจัดแจงเก็บข้างเก็บของให้เป็นระเบียบ หลังจากนั้นก็เดินไปปลุกโยมหม่อมให้เตรียมเนื้อเตรียมตัวออกเดินทาง ส่วนโยมเอกลากลับบ้านตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว
กระผมนำโยมหม่อมทำวัตรเช้าที่หน้าพระประธานโบสถ์ ขอพรให้การเดินทางให้ปลอดภัย หลังจากนั้นก็นำโยมหม่อมไปกราบลาเจ้าที่ พร้อมอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่าน ๆ เหล่านั้น ที่ให้ความอนุเคราะห์พวกเราเป็นอย่างดีในช่วงที่อยู่ที่เกาะพระฤๅษี ดูนาฬิกาก็ตีสองตรงพอดี ทุกอย่างเหมือนโดนกำหนดเอาไว้อย่างลงตัว กระผมถอนลมหายใจยาว ๆ ออกมา หนึ่งก็เพราะนอนไม่หลับ สองก็เพราะไม่อยากจะจากที่นี่ไป....
รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมา เนื่องด้วยสภาพของถนนหน้าเกาะพระฤๅษีที่เต็มไปด้วยหลุมด้วยบ่อ แถม อบต.โคตรจะฉลาดเลย แทนที่จะเอาดินหรือทรายมาถมหลุมเหล่านั้น ดันทะลึ่งเอาหินผุก้อนใหญ่มาถมแทน.....แหมมันน่าจะสวด "กุสลา ธัมมา" ให้สักชุด