ลูกศิษย์สายหลวงพ่อมักจะกลัวเงิน โดยเฉพาะอาตมา เพราะว่ามีเงินแล้วท่านก็ไม่ให้เป็นส่วนตัว ท่านบอกว่าเงินปีนี้อย่าให้เหลือถึงปีหน้า แปลว่าทุกครั้งเรารับเงินมาจะต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เป็นการสร้างเสริมบุญกุศลแก่ญาติโยมที่ถวายมา ก็คือ รับแล้วต้องเหนื่อย ดังนั้นอาตมาจะกลัวเงิน เวลาโยมถวายเยอะ ๆ มักจะดุเอา โยมก็ไม่เข้าใจว่าให้เงินแล้วยังดุอีก
ส่วนใหญ่แล้วเวลาญาติโยมไปวัดไหนก็ตาม พอมีงานก็จะมีการแจ้งข่าวบุญ หรือมีการโทรตาม มีการส่งซองปัจจัยไปให้ที่บ้าน วัดของอาตมากลัวได้เงิน เวลาจัดงานแม้กระทั่งบอกโยมก็ยังไม่บอก กลัวโยมมาเยอะ....เปลืองข้าว กลัวได้สตางค์ ตุ๊พ่อท่านก็ไปร่วมงานแล้วที่วัด (งานวันแม่ที่เกาะพระฤๅษี) แม้จัดงานโดยไม่บอกญาติโยม พยายามปิดกันให้แซ่ดว่ามีงาน เรื่องของเรื่องก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งปิดก็ยิ่งดังไปเรื่อย
อันนี้เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือ บารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะหลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ ท่านตั้งใจที่จะทำให้งานเป็นเช่นนั้น ประการที่สอง ก็คือ กำลังใจของญาติโยมทั้งหลายที่สละออกเพื่อสร้างเสริมบารมีของตนเอง เพื่อให้เข้าใกล้พระนิพพานทุกครั้งที่ได้ทำ ก็ทำให้ท่านทั้งหลายช่วยสนับสนุนในกิจการงานคณะสงฆ์อย่างเต็มที่ทุกครั้ง ส่วนปัจจัยอื่น ๆ นั้น ก็คือ อาตมาเป็นคนทำอะไรทำจริง ถ้าบอกว่าทำแล้ว มักจะไม่รอโยม คือบอกว่าทำเมื่อไหร่ก็ลงมือทำเอง
บางทีโยมขอเป็นเจ้าภาพสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ พอไปดูที่วัดก็ตกใจว่าเกือบเสร็จแล้ว ในเมื่อทำอย่างนี้มาปีแล้วปีเล่า ก็ทำให้คนเห็นแล้วเกิดความคิดขึ้นมาว่า ทำบุญไปแล้วไม่เสียเปล่า เขาเอาเงินไปสร้างให้เราแน่ ทุกท่านก็สนับสนุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-11-2009 เมื่อ 13:34
|