แม่ชีแก้วหยั่งรู้ ... หมาเกิดเป็นลูกเศรษฐี
กล่าวถึงคุณแม่ชีแก้วซึ่งมีความรู้ผาดโผน จนหลวงปู่มั่นต้องสั่งห้ามไว้มิให้ภาวนา ต่อมาเมื่อองค์หลวงตามาพักจำพรรษาที่ห้วยทราย ท่านได้หาอุบายแก้ภาวะจิตของคุณแม่ชีแก้ว จนผ่านเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมที่ห้วยทรายนั้นเอง คุณแม่ชีแก้วได้ติดตามดูแลโยมแม่ขององค์หลวงตา ตั้งแต่วันบวชที่บ้านตาดและตามมาพักจำพรรษาที่สถานีทดลองฯ แห่งนี้ด้วย องค์หลวงตาได้เล่าความรู้พิเศษของคุณแม่ชีแก้วที่จันทบุรี
ไว้เช่นกันว่า
“... เรานึกถึงหมาตัวหนึ่งที่อยู่สถานีทดลองฯ มันมีหมา ๓ ตัว ไอ้ช้าง ไอ้สิงห์ ไอ้แพะ มันมักจะมาวัดอยู่เสมอ คือเจ้าของที่เขาถวายที่ เขาเข้าวัดเข้าวาเสมอมันก็มากับเจ้าของ (ชื่อยายลุ้ย เป็นพี่สาวหลวงปู่เจี๊ยะ) ครั้นต่อไปเจ้าของไม่มา เขาก็มาเอง .. ทางจงกรมเรานี้เขาไม่ผ่าน เวลาเขามาทางจงกรม เขาจะเดินเลาะไปนู้น ไปสุดหัวจงกรมเขาถึงจะวกกลับมา เขาไม่เคยผ่านทางจงกรม ไอ้ช้างนี่สำคัญกว่าเพื่อน มันน่ารักทั้งสามตัวแหละ ...
มีแปลกอยู่ แม่ชีแก้วแกสำคัญอยู่นะ แกก็พูดอยู่อย่างนี้แหละจะว่าไง พูดด้วยญาณหยั่งทราบแน่นอนอยู่ ๆ แกก็พูดว่า ‘โอ๊ย น่าเสียดายนะ ไอ้ช้างนี่ไม่นานจะตาย แต่ตายแล้วก็ไม่ไปต่ำละ จะไปเกิดกับเศรษฐีในกรุงเทพฯ ตายแล้วมันจะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพฯ’
นั่นบอกแล้วนะ ไอ้ช้างนี่มันก็มากับเพื่อนฝูงอยู่ธรรมดานั่นละ มันก็มาหากินอยู่นี้ละ น่าสงสาร แกพูดอยู่อย่างนี้ นั่นละญาณ..เห็นไหมล่ะ หยั่งทราบแน่นอนเลย บอกว่าน่าสงสารมัน มาหากินอยู่กับหมู่กับเพื่อน ๓ ตัว นี่ไอ้ช้างแกชี้มืออย่างนี้นะ น่าสงสาร ไม่นานมันจะตายแล้ว จะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพฯ ไม่ต่ำแหละว่างั้น
บทเวลาจะตายก็เป็นอย่างว่าจริง ๆ สัก ๓-๔ วันมั้ง หลังจากแกพูด มาหากินอยู่กับเพื่อนสามตัวเขา เขาก็ไม่รู้ภาษีภาษาอะไรละ แกพูดอย่างนี้จะให้ว่าไง แกพูดพระฟังทั่วหน้ากัน ... ไม่นานปุบปับตายจริง ๆ
‘โอ๊ย.. ไปแล้ว ตายแล้ว.. ไอ้ช้างตายแล้ว เป็นยังไงไปเกิดที่ไหน ไปที่นั่น...”
ว่างั้น อย่างนั้นแล้วแกแม่นยำมาก ญาณของแกเรื่องหยั่งทราบ...”