มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเพิ่งมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเป็นปีแรก กำลังทำการก่อสร้างอยู่ คราวนี้จ้างช่างมาทำห้องกระจกที่ศาลาหลังโบสถ์ ปรากฏว่าช่างรับทั้งค่าของค่าแรงไปหมดแล้ว ก็ไปนั่งตีไพ่จนหายเกลี้ยง แล้วก็เบี้ยวไม่มาทำงาน ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ไอ้เจ้านี่ไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร..!
สมัยก่อนมีคติประจำใจว่า เราไม่ทำอะไรก็นับเป็นบุญของเจ้า ถ้าใครมาทำอะไรเรา มันซวยแน่ ๆ..! นี่สมัยก่อนความคิดแรงขนาดนั้น แล้วทำจริง ๆ ด้วย พอคิดว่าไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร เพราะอย่างนั้นพรุ่งนี้จะไปเหยียบมันให้ดู..! ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ พอตอนเช้ามืดยกกำลังใจขึ้นไปกราบพระข้างบน ท่านตรัสว่า “บุคคลที่ประกอบไปด้วยจิตกุศล เมื่อปฏิสนธิคือเกิดแล้ว ก็เร่งตั้งหน้าตั้งตากอปรกองบุญการกุศล เพื่อส่งตนให้พ้นจากบาปยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตราบจนกระทั่งหลุดพ้น บุคคลที่จิตประกอบด้วยอกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วความมืดบอดของกรรม ก็พาให้เขาทำแต่สิ่งชั่วช้าซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกที” แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า เราก้าวข้ามจุดนี้มาแล้ว ยังจะย้อนกลับไปอีกหรือ ? ฟังแล้วไอ้ความคิดที่จะไปเหยียบมันนี่หายจ้อยไปเลย เท่ากับว่าเราลงนรกด้วยความเต็มใจเอง เวลาพระท่านด่านี่เพราะนะ ไม่มีคำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว สิบปีแล้วยังจำขึ้นใจอยู่เลย
|