ครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ที่องค์หลวงตาได้เข้าเยี่ยมอาพาธคือ หลวงปู่บุญจันทร์ โดยเฉพาะในยามอาพาธก่อนมรณภาพไม่นานนัก ท่านกล่าวกับหลวงปู่บุญจันทร์ว่า “ได้ทราบว่าไม่สบาย เลยตั้งใจมาเยี่ยม ไม่ใช่มาทรมานคนป่วยนะ เป็นอย่างไรบ้าง”
หลวงปู่ยกมือขึ้นประนมแล้วกราบเรียนว่า “ขอโอกาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หมอบอกว่าเป็นโรคไตรั่ว โรคนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่หมอนิมนต์ให้เกล้ากระผมไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่เกล้ากระผมไม่ไป”
องค์หลวงตาจึงพูดขึ้นว่า “ถ้ามันครึ่งต่อครึ่งก็ไม่ไปล่ะ โรงพยาบาลก็ที่คนตายนั่นแหละ เตียงไหนคนไม่ตายใส่ไม่มีแหละ ถ้าเราไปหาหมอ หมอเขาก็ทำตามหน้าที่ของเขา เราก็เหมือนกับท่อนไม้ท่อนซุงนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเขาจะพลิกไปพลิกมาอย่างไร ทำไปอย่างไรบ้างตามเรื่องของเขา หมอเขาไม่มีธรรมอะไรหละ มันอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ปล่อยเท่านั้นหละ”
สักพักหนึ่ง องค์หลวงตาก็กล่าวกับหลวงปู่ว่า “เอาละนะ จะกลับล่ะ ไม่มีอะไรจะเตือนกันหรอกนะ กรรมฐานใหญ่เหมือนกัน”
จากนั้น ท่านหันไปพูดกับญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้ท่านในขณะนั้นว่า
“ตั้งใจมาเยี่ยมอาจารย์บุญจันทร์ แต่ก่อนในคราวออกปฏิบัติ ท่านก็ออกปฏิบัติ เราก็ออกปฏิบัติ ได้เจอกัน ทุกข์ยากลำบากด้วยกัน เอาละกลับล่ะ เยี่ยมคนป่วยไม่รบกวนนานหรอก”
วาระสุดท้าย ขณะที่หลวงปู่ท่านจวนเจียนมรณภาพเต็มที่แล้ว เป็นเวลาเดียวกันกับที่องค์หลวงตาท่านเดินทางไปถึงพอดี ท่านไปอย่างรีบเร่งแล้วเข้าไปในห้องอาพาธของหลวงปู่ ท่านขยับไปยืนอยู่ใกล้ ๆ ทางศีรษะ แล้วท่านเอามือเปิดผ้าที่ปิดหน้าผากหลวงปู่ออกดู พร้อมกับพูดว่า “วันนี้บวมมากกว่าวานนี้”
ในขณะนั้นหลวงปู่ได้หายใจเบาลงเหมือนกับจะขยิบตาเล็กน้อย แล้วหลวงปู่ก็หยุดหายใจ.. ละธาตุขันธ์ไปในที่สุด เมื่อเวลา ๑๐.๕๒ นาฬิกา ของวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๘ จากนั้นท่านจึงถอยไปนั่งเก้าอี้แล้วมองดูหลวงปู่พร้อมกับพูดว่า “เอ้า..หยุดหายใจแล้ว”
ภายหลังต่อมา ท่านพูดถึงเรื่องนี้กับพระว่า
“ท่านบุญจันทร์คอยเรา พอเรามาถึง..เข้าไปเยี่ยม..ท่านก็ไปเลย”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2020 เมื่อ 01:22
|