หลังจากพระภิกษุท่านทำสามีจิกรรม พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงเข้าพรรษาเราต้องไปทำสามีจิกรรม ซึ่งในอดีตก็คือการไปรายงานตัวต่อพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ในปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นพระผู้ใหญ่และเจ้าคณะปกครองด้วย
ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบัน เป็นปีที่ ๕ แล้วที่วัดท่าขนุนบวชแบบอุกาสะฯ ซึ่งมีลักษณะของการยืน ๆ นั่ง ๆ แบบที่ญาติโยมเห็นพระท่านปฏิบัติเมื่อสักครู่ คือถ้าหากว่าโยมเข้าใจหรือว่าไม่เคยศึกษาแบบธรรมเนียมในพระไตรปิฎกมาก่อน ก็จะไม่ทราบว่าการยืนเป็นการแสดงความเคารพ มาสมัยนี้ของเราเปลี่ยนเป็นคุกเข่า เปลี่ยนเป็นกราบ
ถ้าเราอ่านจะเห็นว่า ถึงเวลาพรหมเทวดามาถวายสักการะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วไปยืนในส่วนที่ควรข้างหนึ่ง ก็คือยืนในที่เหมาะสม การยืนเป็นการแสดงความเคารพ ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่า การยืนดูแล้วแปลก ๆ ในสายตาพวกเรา เพราะว่าไม่เคยชินกัน
เพื่อนพระอุปัชฌาย์บางท่านก็บอกว่า ถึงเวลาก็ให้นาคยืนค้ำหัวพระ อาตมาบอกว่า “ผมให้เขายืนนอกวงพระ” ...(หัวเราะ)... เสร็จสรรพเรียบร้อยเหลือแต่ตอนญัตติค่อยให้เข้ามานั่งในวง ของท่านเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกก็ให้มายืนในท่ามกลางพระ แบบนั้นก็จบเลย”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:20
|