ชื่อกระทู้ชวนให้นึกถึง ธรรมอันละเอียดปราณีตของหลวงปู่ลุน ณ เมืองอุบล
เล่าลือว่าท่านมีวาสนาทางธรรมอันหาได้ยากยิ่ง คือมีความชำนาญการปฏิบัติในทางพระอภิธรรม ปรมาจารย์นามอุโฆษด้านพระอภิธรรมอย่างอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ยังมากราบฝากตัวเป็นศิษย์
ลองพิจารณาข้อธรรมของหลวงปู่ดูนะครับ
๑. โลกก็บังธรรม ธรรมก็บังโลก อารมณ์ก็บังจิต จิตก็บังอารมณ์
๒. ถ้าอยากเห็นธรรม ก็ให้เพิกโลกออกให้หมด ถ้าอยากเห็นจิตก็เพิกอารมณ์ออกให้หมด
๓. ลำพังธรรมอย่างเดียว หรือจิตอย่างเดียว เป็นวิสังขาร คือนิพพาน ไม่ใช่สัตว์
๔. ถ้าโลกอย่างเดียว หรืออารมณ์อย่างเดียวก็เป็น อนุปาทินกะสังขาร ไม่ใช่สัตว์อีก
๕. สัตว์นั้นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยโลกกับธรรม อารมณ์กับจิต เพราะเหตุนั้นสัตว์จึงต้องมีหู มีตา มีจมูก มีลิ้น มีกาย และมีใจ
และอารมณ์ผสมเข้ากับจิต ถึงอรูปสัตว์ที่ไม่มีกายก็ต้องมีอารมณ์ผสมกับจิต จึงจะเรียกว่าสัตว์ ว่าคนได้ เป็นอุปาทินกะสังขาร
๖. โลกก็ดี อารมณ์ก็ดี เกิดดับอยู่เสมอ แต่ธรรมหรือจิตอันบริสุทธิ์นั้น ไม่เกิดไม่ดับ
๗. ถ้าเพิกโลกออกจากธรรม เพิกอารมณ์ออกจากจิตได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะยกขึ้นสู่บัญญัติว่าเป็นสัตว์เป็นคน จึงบัญญัติว่าเป็น “นิพพาน”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2010 เมื่อ 20:01
|