ในส่วนนี้ ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใด ถึงเวลาฟังพระเทศน์ ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระ แล้วยังนั่งขัดสมาธิเอาตามสบายอยู่ ก็ขอให้รู้ว่าสภาพจิตของท่านยังหยาบอยู่มาก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นการปรามาสในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งจะปิดกั้นหนทางที่จะเข้าถึงมรรคผลของเรา
ต้องระมัดระวังกาย วาจา ใจ ของตนเอง ขัดเกลาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ไม่ใช่ไม่ทันจะทำอะไรก็ทำตัวอย่างไรก็ได้ อย่างไรก็ได้นั้นสำหรับผู้ที่เข้าถึงจนมั่นคงแล้ว แต่ส่วนมากท่านก็ยังไม่ทิ้งแนวการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะว่ามักจะมีผู้ปฏิบัติเลียนแบบทำตาม จึงต้องทำเป็นเนติ เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ที่เขาจะทำตาม
ดังนั้น..ในส่วนของพระภิกษุสามเณรหรือว่าญาติโยม เราจึงต้องขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ ให้รู้เท่าทันกิเลสมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าให้เขาหลอกเราจนเดินทางผิด หรือว่าทำในสิ่งที่ผิด ซึ่งจะทำให้หนทางเข้าสู่มรรคผลของเราช้าลงโดยใช่เหตุ แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้งลงอบายภูมิไป ก็จะเป็นการเสียเวลาครั้งใหญ่ในการที่จะฝ่าฟันให้พ้นจากห้วงวัฏสงสาร
วันนี้ก็ขออนุญาตฝากข้อคิดให้แก่พระภิกษุสามเณร และเจริญพรแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-05-2021 เมื่อ 09:38
|