วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ มีเรื่องที่อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และบอกกล่าวให้กับญาติโยม ทั้งที่นี่และที่ติดตามฟังอยู่ทางบ้าน ก็คือเรื่องในช่วงที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันว่าทุกเพศควรที่จะมีสิทธิ์บวชได้ โดยมีการอ้างสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าถกเถียงกันเพื่อปัญญาในแบบของนักวิชาการ ก็สามารถที่จะยกเหตุยกผลขึ้นมาคุยกันได้ แต่ถ้าหากว่าถกเถียงกันเพื่อเอาชนะคะคาน ก็แปลว่าท่านทั้งหลายยังห่างไกลจากการเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอยู่มาก
พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า เราทั้งหลายไม่ควรกล่าววาจาอันเป็นเหตุให้ต้องเถียงกัน วาจาที่เป็นเหตุให้ต้องเถียงกันทำให้ต้องพูดมาก บุคคลที่พูดมากจิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่านย่อมห่างจากสมาธิ
แล้วการที่ท่านทั้งหลายไปถกเถียงกันนั้น ส่วนใหญ่มักจะลืมไปว่า ในแต่ละหน่วยงาน ในแต่ละองค์กร จะมีวัฒนธรรมองค์กรของตนเองอยู่ ดังนั้น...บรรดาท่านที่เป็นเพศทางเลือก ถ้าคิดว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ลองไปสมัครเป็นทหารหรือตำรวจดู ว่าเขาจะรับท่านหรือไม่ ? คือคิดแค่นี้ก็พอ..ไม่ต้องมาก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องแรกนั้น แม้แต่ภิกษุณีก็ไม่ปรารถนาที่จะให้บวช ในสมัยนั้นบุคคลที่มีสายตาแคบสั้น ก็อาจจะตำหนิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปมาก แม้กระทั่งปัจจุบัน นักวิชาการส่วนหนึ่งก็กล่าวว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราริดรอนสิทธิสตรี..!
แต่พระองค์ท่านตรัสกับพระอานนท์ไว้ชัดเจนว่า ถ้าให้สตรีเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ศาสนาของพระองค์จะอยู่ไม่ถึง ๕,๐๐๐ ปี เมื่อสตรีเข้ามาก็เหมือนอย่างกับเพลี้ยลงไร่อ้อย ไร่อ้อยมีแต่จะฉิบหายไปในเวลาไม่นาน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-06-2021 เมื่อ 02:56
|