พวกเราตรงไปยังวัดปัตตะเมีย (วัดมณี) สองข้างทางเป็นบ้านเรือนแบบเก่า มีร้านขายพลอยอยู่หลายร้าน ขึ้นไปกราบปฏิสันถารกับครูบาญาณ เจ้าอาวาสวัดมณี ท่านรู้จักอาตมาในนามอาจารย์ของท่านชาติชาย อุตส่าห์แนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวให้ พร้อมกับอวยพร หื้อไปซำบายเน้อ อยู่หื้อมีไซ ไปหื้อมีโซค..
กราบลาครูบาญาณ ข้ามน้ำมาฝั่งชองนาคัวะ เรือลำนิดเดียวมันยัดคนลงไปเป็นสิบ จักรยาน ๒ คัน ข้าวสาร ๕ - ๖ กระสอบ แถมพระอีก ๓ รูป ยังดีที่พระไม่ต้องเสียค่าโดยสาร ข้ามมาขึ้นรถสองแถวที่ข้าวของล้นขึ้นไปบนหลังคา กระนั้นยังวิ่งรับคนรับของไปตลอดทาง รถถึงจะเก่าแต่มีอินเตอร์คอมข้างใน ดีกว่าเมืองไทยที่มีแต่อินตะโกน
รถเรือของพม่าเขาบรรทุกกันแบบนี้ทั้งนั้น..!
ผ่านบ้านตองกะเล บ้านจันตอ บ้านไลกะไม บ้านจูนหยั่ว คนขึ้นจนรถหน้าเชิดท้ายติดดิน ต้องค่อย ๆ คลานไปช้า ๆ พอดีกับโรงเรียนเลิก เด็ก ๆ เต็มไปหมด ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ผู้ชายนุ่งโสร่ง ใช้สีเขียวเหมือน ๆ กัน ส่วนเสื้อไม่บังคับแบบ ขอให้เป็นสีขาวก็ใช้ได้ ครูนุ่งสีเขียวเหมือนนักเรียน ชาวบ้านให้เกียรติครูมาก รถจะแน่นขนาดไหน ถ้าครูขึ้นมาจะมีคนลุกให้ครูนั่ง ตัวเองไปห้อยโหนโจนทะยานแทน รถม้า เกวียน และจักรยานเยอะแยะไปหมด...
ตะกายขึ้นเขาเจ็ดโค้งแล้วดิ่งมาลงตัวอำเภอมุด่ง เจ้าประคุณเถอะ...มันชันลิบลิ่ว แถมโค้งแต่ละโค้ง มันโค้งชนิดม้วนกลับหลังเลย..! เมื่อคืนมามืด ๆ มองอะไรไม่เห็น มากลางวันชัด ๆ แบบนี้ เขารัง หรือ เขาพับผ้าของเรา เห็นทีจะกินเขายากอยู่เหมือนกัน นับเข้าจริง ๆ มีตั้ง ๑๙ โค้ง แสดงว่าเขานับเฉพาะโค้งใหญ่ชนิดม้วนเป็นเลขแปดเท่านั้น..!
ระยะทางแค่ ๒๐ ไมล์ รถมันคลานซะชั่วโมงครึ่ง ควักย่ามจ่ายค่ารถไป ๓๘๐ จั๊ต อาตมากับท่านนาวิน นั่งข้างหน้าเขาคิดคนละ ๑๐๐ จั๊ต ท่านพรกับเจ้าโตนั่งหลัง เขาคิดคนละ ๙๐ จั๊ต ของพี่ไทยเราเก็บเท่ากันทั้งข้างหน้าข้างหลัง (มีบางรายเก็บข้างหน้าแพงกว่าเพราะมีแอร์) จากนั้นย่ำต๊อกผ่านตัวตลาดที่ค่อนข้างจอแจไปยังบ้านของ โกไล พี่ชายของท่านนาวิน...
บ้านของโกไลเป็นร้านทำทอง มีช่างฝีมือนั่งทำทองรูปพรรณอยู่เกือบสิบราย มีคนนำทองมาขายตลอดเวลา ราคาทองบาทละ ๔๙,๐๐๐ จั๊ต อาตมาถามว่า ถ้าเอาคทาศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อฤๅษีมาหุ้มทองทั้งอันแล้วแกะลาย ต้องใช้ทองเท่าไรจึงจะพอ โกไลกะเอาจากขนาดที่ประมาณให้ แล้วบอกว่า ๒ บาท แบบนี้ก็สบายหน่อย เพราะอาตมามีแต่ทองแท่งละ ๕ บาท..!
พี่ชายของท่านนาวินคนนี้ ระลึกชาติย้อนหลังได้ ๓ ชาติ แกเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดเป็นคนทุกชาติ สามชาติก่อน ตายก่อนอายุ ๒๐ ทุกที พ่อแม่พี่น้องของชาติก่อนก็ตามพบกันหมด มาชาตินี้รับปากว่าจะอยู่ช่วยเลี้ยงดูพ่อแม่ เลยอยู่มาจนอายุ ๔๒ เข้าไปแล้ว คนที่ตายจากคนแล้วเกิดเป็นคนทันที มักจะระลึกชาติได้แบบนี้ทุกคนไป...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 17:05
|