ในเมื่อจิตของเราเข้าสู่ความเคยชินในระดับแรก ที่เรียกว่าปฐมฌาน อาการตรงนี้นั้น ถ้าเป็นบุคคลที่ปฏิบัติมาในสายวิสุทธิมรรค ก็จะรู้ลมหายใจเข้าออกโดยอัตโนมัติ รู้คำภาวนาโดยอัตโนมัติ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายกำหนดฐานในการปฏิบัติอานาปานสติ คือลมหายใจเข้าออก ก็จะรู้ว่าลมกระทบกี่ฐานโดยอัตโนมัติ รู้ตลอดทั้งกองลมตั้งแต่ต้นจนปลาย คือทั้งเข้าและออก
แต่ถ้าหากว่าท่านปฏิบัติตามสายพองยุบ จะสามารถกำหนดรู้พองยุบโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับ พองยุบนั้นจะเป็นไปเองโดยธรรมชาติ เราแค่เอาสติไปประคับประคองรับรู้ไว้เท่านั้น
แต่คราวนี้การที่เราปฏิบัติตามสายพองยุบนั้น ครูบาอาจารย์ท่านไม่ต้องการให้เราเข้าสมาธิแนบแน่นจนเกินไป ดังนั้น...เมื่ออาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็จะให้ภาวนาว่า "รู้หนอ...รู้หนอ" ในเมื่อกำหนดใจในลักษณะอย่างนั้น กำลังสมาธิก็จะคลายออกมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ หรือว่าขณิกสมาธิ ทำให้เข้าไม่ถึงอัปปนาสมาธิเบื้องสูงยิ่งไปกว่านั้น
แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติตามสายวิสุทธิมรรค ไม่ว่าจะเป็นพุทโธก็ดี นะมะพะทะก็ดี หรือว่าสัมมาอะระหังก็ตาม ถ้าหากว่ามาถึงตรงจุดนี้ เราเอาสติประคับประคองรับรู้อาการที่เกิดขึ้นเป็นอัตโนมัตินั้น ถ้าหากว่าตามดู ตามรู้ไปเช่นนี้ สภาพจิตก็จะค่อย ๆ ก้าวสู่สมาธิระดับสูงขึ้น เรียกว่า ทุติยฌาน คือความเคยชินขั้นที่สอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|