ดังนั้น...ถ้าหากว่าเราบอกว่า เราปฏิบัติธรรมแล้วไม่กลัวตาย ต้องบอกว่าท่านกำลังประมาท คนไม่กลัวตาย ไม่ใช่ไปแส่หาที่ตาย..! คนไม่กลัวตาย คือบุคคลที่ดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง อยู่ในกรอบของ ศีล สมาธิ ปัญญา คอยขับไล่ความชั่วออกจากจิตใจของตนเอง ระมัดระวังไว้ไม่ให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก คอยสร้างเสริมความดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง แล้วก็เร่งทำให้ความดีนั้นเจริญงอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่บอกว่าไม่กลัวตาย แล้วเราก็วิ่งเข้าไปหาที่ตาย ถ้าแบบนั้นก็โง่ ๒ ชั้น แล้วดันไปคิดว่าตนเองฉลาด..!
กระผม/อาตมภาพเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "บุคคลที่ปฏิบัติธรรมแล้วคิดว่าไม่กลัวตาย ถือว่าดีแล้ว" เป็นเรื่องที่ผิด บางคนอยากตายเสียด้วยซ้ำไป อันนั้นยิ่งผิดหนักเข้าไปใหญ่ เพราะว่ากำลังใจที่อยากตายเป็นกำลังใจที่เศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้น อาจจะลงอบายภูมิก็ได้
กำลังใจที่ถูกต้องก็คือ ไม่กลัวตาย แต่ไม่ได้อยากตาย เพียงแต่พร้อมที่จะตายตลอดเวลา อยู่ในลักษณะของการระลึกถึงมรณานุสติเต็มระดับ รู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตของเรามีแค่ชั่วลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้า..ถ้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก..ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตาย เพียงแต่ว่าอยู่ในลักษณะของการพร้อมที่จะตายโดยไม่ประมาท
ขณะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ ก็ถือว่าเราได้สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าหากว่าตายเมื่อไร เราก็พร้อมที่จะไปพระนิพพาน จึงอยู่ในลักษณะของการที่อยู่ก็ได้ ตายก็ดี ก็แปลว่าต้องอยู่ให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าตาย ก็ตายอย่างพร้อมที่สุด พร้อมเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรให้เรายึดถือแล้ว ปล่อยวางจากภาระทั้งปวงแล้ว ถ้าชีวิตยังมีอยู่ ก็ดำเนินไปตามหน้าที่ของตน ถ้าชีวิตหมดสิ้นลง ก็ไปตามทางที่ตนได้เลือกไว้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2021 เมื่อ 02:09
|