ชื่อกระทู้: คิริมานนทสูตร
ดูแบบคำตอบเดียว
  #15  
เก่า 04-02-2010, 09:24
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ง) ผู้ตั้งอยู่ในศีลพระปาติโมกข์คือ ศีล ๒๒๗ ได้ชื่อว่าบางจากกิเลสได้ขั้นที่ ๔ (บุคคลธรรมดา ๆ ที่ยังรักษาศีล ๕ ข้อไม่ได้ จึงไม่ควรจะไปรักษาศีล ๘ ข้อ ยกเว้นซ้อมรักษาศีลอุโบสถในวันพระ คือ รักษาศีล ๘ ชั่วคราว เพื่อให้จิตชินในความดีที่สูงขึ้น แม้รับศีล ๘ ข้อในเวลาเจริญกรรมฐาน ซึ่งมีอานิสงส์สูงกว่าศีล ๕ ข้อมาก เพียงชั่วคราวก็ยังดีได้บุญสูง ดังนั้นผู้ใดมีเจตนาเข้ามาบวชเป็นพระในพุทธศาสนา จะต้องมีกำลังใจสูงมาก (บารมี) จึงจะทำได้ เพราะความเป็นพระอยู่ที่ศีล ๒๒๗ ข้อ หากขาดแม้ข้อหนึ่งข้อใด ความเป็นพระก็ยังไม่สมบูรณ์ นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดพวกเราฆราวาสจึงต้องกราบไหว้และเคารพในพระสงฆ์ ก่อนบวชลูกไหว้พ่อแม่ เมื่อลูกบวชเป็นพระแล้วพ่อแม่กลับมาไหว้ลูก ดังนั้นลูกคนใดบวชแล้วไม่ยอมเป็นพระ คือศีลไม่ครบ ๒๒๗ ข้อ เมื่อพ่อแม่หรือบุคคลอื่น ๆ มาไหว้ตน จึงเป็นบาปหรือซวยอย่างยิ่งสำหรับผู้นั้น)

จากเหตุผลที่กล่าวมาแล้วข้างบน พระองค์ทรงตรัสความว่า ผลอานิสงส์มีเป็นลำดับตามศีลนั้น บุคคลใดมิได้ตั้งอยู่ในศีล ๕ ถึงจะมีความรู้ฉลาดสักเท่าใด ก็ไม่ควรจะกล่าวคำประมาทแก่ผู้มีศีล ๕ ผู้ที่มีศีล ๕ ก็ควรยินดีแต่เพียงชั้นศีลของตน ไม่ควรที่จะกล่าวคำประมาทในท่านผู้ที่มีศีล ๘ ผู้ที่มีศีล ๘ ก็ควรยินดีแต่เพียงชั้นศีลของตน ไม่ควรที่จะกล่าวคำประมาทในท่านผู้ที่มีศีล ๑๐ ผู้ที่มีศีล ๑๐ ก็ควรยินดีแต่เพียงชั้นศีลของตน ไม่ควรที่จะกล่าวคำประมาทในท่านผู้ที่มีศีล ๒๒๗ (ศีลพระปาติโมกข์) ถ้าขืนกล่าวโทษติเตียนท่านที่มีศีลยิ่งกว่าตนชื่อว่าเป็นคนหลง เป็นคนห่างจากทางสุขในมนุษย์, สวรรค์ และพระนิพพานอย่างแท้จริง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2010 เมื่อ 11:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา