ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 13-01-2022, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,401 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...การที่คนเราตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนปลายศาสนาที่ว่ามีอายุ ๑๐ ปีเป็นประมาณ คนอายุ ๒ ปี เป็นหนุ่มเป็นสาว มีคู่แล้ว สมัยกระผม/อาตมภาพเด็ก ๆ เขาใช้คำว่า "ต้องสอยมะเขือกิน"

เราลองนึกถึงต้นมะเขือ ซึ่งสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็คือมะเขือเปราะ มะเขือขื่น อย่างเก่งก็สูงแค่เอวเรา แต่คนยุคนั้นต้องสอยมะเขือกิน เพราะว่าต้นมะเขือกลายเป็นต้นใหญ่มาก แต่ตนเองตัวเล็กลง ก็คงเป็นประมาณลูกหมาวิ่งลอดใต้ต้นมะเขือ เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเป็นไปตามหลักวิวัฒนการของทางด้านชีวศาสตร์ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากว่าไม่มีหลักพวกนี้มาให้เรายึด ก็ต้องอาศัยศรัทธาคือความเชื่อเท่านั้น

ควาวนี้ศรัทธาความเชื่อสำหรับพวกเรานั้น ที่สำคัญที่สุดคือ ตถาคตโพธิสัทธา ความเชื่อมั่นในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหากว่าเราศึกษาในพระไตรปิฎก แล้วปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมในบางส่วน จะเห็นความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันของหลักธรรมทั้งหมด โดยที่ไม่มีส่วนแย้งกันเลย ตรงจุดนี้จะได้เห็นอัจฉริยภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระองค์ท่านตรัสรู้หลักธรรมจริง ๆ และในขณะเดียวกัน สิ่งที่นำมาสอนพวกเรา ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น เป็นแค่ "ใบไม้กำมือเดียว" ด้วย แล้วใบไม้ทั้งป่าของพระองค์ท่านจะขนาดไหน ?

แต่พระองค์ท่าน ไม่ได้สอนให้เราศรัทธาพระองค์ท่านโดยตรง พระองค์ท่านสอนว่ากัมมสัทธา ให้เราเชื่อกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

วิปากสัทธา เชื่อการส่งผลของกรรม ก็คือถ้าคุณทำมาก็เจอแน่ ๆ ทำดีก็ได้ดีไป ทำไม่ดีก็ได้ชั่วไป

กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อในความมีกรรมเป็นของตน ใครทำคนนั้นก็รับผลไป และท้ายที่สุดคือตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีบอกว่าให้เชื่อพระองค์ท่านเลย แม้กระทั่งบางพระสูตรอย่างเกสปุตตสูตร ยังบอกว่า อย่าเชื่อแม้สมณะนี้เป็นครูของเรา ก็คือมา สมโณ โน ครูติ

แล้วเราจะเกิดศรัทธาขึ้นได้อย่างไร ? ศรัทธาเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการแรก...มีประสบการณ์ตรง อย่างเช่นว่าปฏิบัติธรรมแล้วเกิดผล หรือใช้วัตถุมงคลแล้วมีประสบการณ์ขึ้น อย่างนี้ เป็นต้น ศรัทธาประการที่สองก็คือ เข้าถึงธรรมอย่างแท้จริง ถ้าประเภทนั้น ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี เพราะว่าเกิดผลกับตนเองแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-01-2022 เมื่อ 08:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา