แม้กระทั่งภายในวัดท่าขนุนของเราก็มี หลายคนก็เอาจริตนิสัยเฉพาะตัวมา อย่างบางทีกระผม/อาตมภาพสั่งให้แจกของสังฆทานก็ดี หรือว่าให้แจกอาหารแก่คนก็ดี ก็มีการ "หวงของ" ประมาณว่าถ้าผมไม่ได้สั่ง คนอื่นจะมาสั่งไม่ได้ คนอื่นจะมาขอไม่ได้
สันดานแบบนี้เคยเกิดกับกระผม/อาตมภาพแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง สมัยที่ยังเป็นฆราวาสช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ที่บ้านสายลม ตอนนั้นมีเด็กเล็ก ๆ ตามพ่อแม่มาถวายสังฆทาน กระผม/อาตมภาพเห็นว่าถ้าให้วัตถุมงคลไป เด็กน่าจะรักษาไม่ได้ จึงไม่ให้
แต่ปรากฏว่าพอเหลือบตาไป หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพยักหน้าให้นิดหนึ่ง ก็คือบอกชัดว่าให้เด็กด้วย แล้วหลังจากนั้นมีผู้ใหญ่มาเป็นคณะ แต่ทำบุญมาแค่คนเดียว กระผม/อาตมภาพก็มอบวัตถุมงคลให้คนเดียว หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ทั้งคณะไปเลย
ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพแจกกระจาย ใครมาให้หมด ก็เพราะเห็นชัดเจนว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำเพื่อประโยชน์คนอื่น คนเขาต้องการ มาถึงอาจจะไม่มีเงินทำบุญ แต่อยากได้วัตถุมงคลเป็นที่ระลึก ความคิดตอนนั้นก็คือ "หลวงพ่อท่านยังไม่หวง แล้วกูจะหวงไปทำไม ?"
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดกับกระผม/อาตมภาพ เคยเกิด..แต่รู้ตัวเร็ว แก้ไขเร็ว หลังจากนั้นก็เป็นคนไม่เคยหวงของ ถือหลักว่า "ถ้ามึงกล้าขอ กูก็กล้าให้" แต่อย่างของวัดเรา บางทีพระเจ้าไปเบิกข้าวเบิกของ ยากเย็นแสนเข็ญ หวงเอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ แค่อยากให้คนเห็นว่า "กูมีความสำคัญเท่านั้น" โดยที่ลืมไปว่ากิเลสกำลังท่วมหัวตัวเองอยู่..!
บุคคลที่ไม่เห็นโทษตนเอง ไม่เห็นความผิดตนเอง โอกาสที่จะแก้ไขให้ดีนั้นยากมาก โดยเฉพาะบุคคลที่จะเป็นกระจกสะท้อนให้นั้นมีน้อย เพราะว่าทุกคนย่อมรักตัวเอง ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน เพราะว่ากลัวคนอื่นเกลียดขี้หน้า ก็ได้แต่ประจบยกยอกันไปวันหนึ่ง ๆ ซึ่งหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย โอกาสที่จะแก้ไขตนเองให้ กาย วาจา ใจ ดีขึ้นก็ไม่มี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-01-2022 เมื่อ 17:50
|