เมาความไม่มีโรค อดีตทำกรรมปาณาติบาตไว้น้อย ชาติปัจจุบันนี้อย่างเก่งก็แค่ปวดหัวตัวร้อน แล้วไปคิดว่าตนเองไม่มีโรคภัยอะไรที่หนักหนา หารู้ไม่ว่าชีวิตอยู่แค่ลมหายใจเดียวแค่นั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน ยิ่งในยุคโรคภัยไข้เจ็บ เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดอย่างในช่วงนี้ เราอาจจะติดเชื้อป่วยตายวันไหนก็ไม่แน่..!
บางท่านก็เมาชีวิต เกิดมาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความประมาท อาจจะเที่ยวเตร่หัวราน้ำ กินเหล้าเมายา หาโรคใส่ตัว เมื่อถึงเวลาโรคภัยทั้งหลายกำเริบขึ้นมา จะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เกิดจากคำเดียว คือความประมาท พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสไว้ชัดว่า ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คำว่า ตาย และ ไม่ตาย ในที่นี้ ยังมีความหมายว่า ตายจากความดีหรือไม่ตายจากความดีอีกด้วย
ยิ่งในระยะนี้เราก็จะได้ข่าวคราวพระเถระทั้งหลายละสังขารกันเป็นปกติ แม้กระทั่งดารานักร้องก็เสียชีวิตกันรายแล้วรายเล่า ถ้ามีสติระลึกรู้ ก็จะต้องตระหนักบ้างว่า ความตายจะมาถึงเราได้ทุกเวลา แต่คราวนี้ถ้าหากว่าตายแล้วไม่ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ความตายนั้นไม่ใช่ความสิ้นสุด เพราะว่าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๓๑ ภพภูมิจนกว่าจะหมดกรรม หรือจนกว่าจะสามารถชำระใจของตนให้บริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง แล้วหลุดพ้นจากวัฏสงสารไปสู่พระนิพพานได้
ในเมื่อความตายไม่ใช่การสิ้นสุด เราก็ต้องไม่ประมาท ต้องเป็นผู้ที่เตรียมการให้พร้อมที่สุดที่จะตาย ไม่ใช่พูดถึงความตายเมื่อไรก็กลัว พูดถึงความตายเมื่อไรก็หดหู่ เศร้าหมอง
ความตายเป็นแค่การเปลี่ยนรูป เปลี่ยนขันธ์ ไปตามกรรมที่เราสร้างไว้ เหมือนกับเสื้อเก่าหมดสภาพแล้วเราถอดทิ้ง เปลี่ยนไปใส่เสื้อตัวใหม่ หรือเหมือนกับรถยนต์คันเก่าที่เราขับจนหมดสภาพ ก็ต้องจอดทิ้งไปหารถคันใหม่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2022 เมื่อ 03:44
|