ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 13-04-2022, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,032 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครูบาอาจารย์บางท่านถึงขนาดฟันธงว่า ถ้าท่านเคยได้สภาวธรรมดี ๆ แล้ว อย่าหวังเลยว่าจะได้แบบนั้นอีก ก็เพราะว่าจัดการไม่เป็น ภาวนาเมื่อไรก็อยากได้แบบนั้น ภาวนาเมื่อไรก็อยากเป็นแบบนั้น ก็เลยทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ไม่นิ่ง ไม่สงบอย่างแท้จริง

กระผม/อาตมภาพเองก็เคยเกิดปัญหานี้เป็นปี ๆ จนกระทั่งท้ายสุดก็ตัดใจว่า เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะเป็นหรือไม่ จะเห็นหรือไม่ เราไม่สนใจ ปรากฏว่าพอวางกำลังใจแบบนี้ ก็สามารถที่จะกลับไปสู่ความนิ่งได้เท่าเดิม ในเมื่อนิ่งได้เหมือนเดิม ก็สามารถที่จะรู้เห็นแบบนี้ได้อีก

ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีทั้งประโยชน์และมีทั้งโทษ คำว่ามีประโยชน์ก็คือ เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ทำเมื่อไรก็เป็นมหากุศลแก่ตัวเรา และเป็นสิ่งที่จะติดตามเราไปในทุกชาติทุกภพ จนกว่าท่านจะจบเส้นทางการเวียนว่ายตายเกิด ก็คือเข้าสู่พระนิพพาน

ไม่เช่นนั้นในเรื่องของบุญนั้นยังเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าจะหนุนเสริมให้ท่านไปสู่สุคติ ไม่ว่าจะเป็นสุคติเบื้องสูงหรือว่าสุคติเบื้องต่ำก็ตาม จะคอยกันไม่ให้ท่านทั้งหลายลงสู่ทุคติ

แต่ท่านทั้งหลายต้องคอยกระทำด้วยความไม่ประมาท คือย้ำบ่อย ๆ ทำบ่อย ๆ ลักษณะแบบเดียวกับที่เรากินอาหาร ก็คือต้องกินทุกวัน เราถึงจะไม่หิว ลักษณะของการปฏิบัติธรรม ก็คือต้องปฏิบัติทุกวันเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็จะฟุ้งซ่านได้ง่าย

ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราโดนกิเลส คือความฟุ้งซ่านเข้ามา ก็จะทำให้เราเสียผลของการปฏิบัติไปนานมาก กว่าที่จะตีคืนได้ บางท่านก็ถึงขนาดท้อใจไปเลย สภาวะเช่นนี้บางคนเรียกง่าย ๆ ว่า "สมาธิตก" บางคนก็เรียกว่า "จิตตก" บางคนก็บอกว่า "กรรมฐานแตก" ก็คือการที่เราปฏิบัติดี ๆ แล้วก็แพ้กิเลส เกิดความฟุ้งซ่านไปใน ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อย่างเต็มที่

ลักษณะอย่างนี้ครูบาอาจารย์ท่านเคยแนะนำว่า ทำเหมือนอย่างกับเราขี่ม้าพยศ ในเมื่อไม่สามารถที่จะดึงให้อยู่ในเส้นทางได้ ก็กอดคอคอยดูว่าม้านั้นจะพาเราไปไหน ถ้าหากว่าเป็นการปฏิบัติในมหาสติสายพองยุบ ก็คือการกำหนดว่า รู้หนอ..รู้หนอ.. หรือว่า เห็นหนอ..เห็นหนอ..ไปเรื่อย จนกว่าสภาพจิตของเราจะกลับมานิ่งได้เหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2022 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา