ความจริงก็คือว่า ถ้าหากว่าเราฝึกหัดกำลังใจ สามารถทรงไว้ได้ในระดับปีติ ไม่ต้องถึงฌานนะ แค่ระดับปีติเท่านั้น เพียงแต่ว่าล็อคเอาไว้ให้มั่น ไม่ให้ขึ้น ไม่ให้ลง ก็จะเกิดผลก็คือ ไม่หิว ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่เหนื่อย ไม่อะไรกับใครทั้งนั้น แต่ต้องระวัง...พระพุทธเจ้าท่านให้ไม่เกิน ๑๕ วัน เพราะว่าเวลาร่างกายขาดสารอาหารมาก ๆ บางคนร่างกายไม่ดีอยู่แล้ว ก็อาจจะน็อคไปเลย
แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นปีติโลดโผน อย่างเช่นว่า อุเพ็งคาปีติ ประเภทว่าลอยขึ้นไปทั้งตัว ถ้าล็อคกำลังใจไว้ตรงนั้นได้ ก็จะสำเร็จวิชาตัวเบาแบบเส้าหลิน เพราะว่าปีติตัวนี้จะลอย เราก็พยายามเข้าสมาธิให้ถึงระดับแค่นั้นให้ได้ทุกครั้ง ซ้อมบ่อย ๆ จนคล่องตัว ถึงเวลากระโดดขึ้นหลังคาให้คนอื่นเขาดู เพราะว่าอย่างไรปกติของปีติตัวนี้ก็ลอยขึ้นไปอยู่แล้ว
แต่ให้ระวังหน่อยนะ อย่างสมัยที่กระผม/อาตมภาพฝึกอยู่ที่วัดท่าซุง ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองลอยได้ ภาวนาไป ภาวนาไป อะไรวับ ๆ ๆ ๆ อยู่ข้างเอว ลืมตาขึ้นมา..เหวอ พัดลมเพดาน..! พัดลมที่มีก้านยาวลงมาจากเพดานสักหนึ่งเมตร กระผม/อาตมภาพลอยขึ้นไปจนเกือบตรงกับพัดลม ถ้าตรงกับพัดลม คงโดนฟันหัวขาดไปแล้ว คราวนี้ด้วยความที่ตกใจว่าพัดลมอยู่ข้างเอว สมาธิหลุด..ก็เลยตกลงมาตูม..ตะครุบกบเสียตึกสะเทือน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2022 เมื่อ 19:43
|