แต่ตรงนี้กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับญาติโยมทุกคน เพราะว่าปุถุชนคือบุคคลทั่ว ๆ ไปต้องเป็นแบบนี้ ขออย่างเดียวแค่ว่าให้ศีล ๕ ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อน หลังจากนั้นใครจะปฏิบัติสมาธิภาวนา หรืออยากพ้นจากกองทุกข์ค่อยมาสอบถามกันอีกทีหนึ่ง
ก็คือเราค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้น เป็นเด็กเริ่มเข้าเรียนหนังสือ ก็ต้องเริ่มจากชั้นอนุบาล ๑, ๒, ๓ ก่อน แล้วค่อย ป.๑, ป.๒, ป.๓, ป.๔, ป.๕, ป.๖ แล้วค่อยไปเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑, ๒ ,๓ ,๔ ,๕ , ๖ จากนั้น เราถึงจะเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีได้
ถ้าหากว่านับพระโสดาบันเป็นระดับปริญญาตรี พระสกทาคามีเป็น Diploma ของปริญญาโท พระอนาคามีเป็นปริญญาโท และพระอรหันต์เป็นปริญญาเอก ของพวกเรายังห่างจากนั้นมากนัก
ดังนั้น...การที่เราจะมาเที่ยวรื่นเริง หาพลังงานให้แก่ชีวิต เพื่อที่จะกลับไปทำหน้าที่ของตนให้ดีกว่าเดิม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในระดับปุถุชนทั่วไป เพียงแต่ว่าถ้าเราตั้งความหวังเอาไว้ว่าเราจะปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้ากว่านี้ เราก็ต้องระมัดระวัง สำรวมตน ซึ่งถ้าในระยะแรก ๆ ก็จะแปลกแยกจากสังคม เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วก็คือระมัดระวัง กาย วาจา ใจ ของตนไม่ให้ผิด ไม่ให้พลาด
ในเมื่อพวกเราถือว่าทำดีแล้ว ทำถูกแล้วในระดับของปุถุชน ยังต้องรับผิดชอบครอบครัว บางคนก็พาพ่อแม่มาด้วย บางคนก็พาลูกเมียมาด้วย ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ปุถุชนของเราโดยสมบูรณ์
แต่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะตักเตือนพวกเรา ในฐานะบุคคลผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ก็คือว่าอีกประมาณไม่ถึงเดือน บ้านเราจะเจอทั้งพายุและฝนหนักมาก ถ้าหากว่าใครอยู่ที่ลุ่ม มีข้าวของอะไรจะน้ำท่วมเสียหาย ก็ต้องตระเตรียมโยกย้ายเอาไว้ ถ้าไม่เกินกำลัง หาเรือเล็ก ๆ ไว้สักลำได้ก็ดี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2022 เมื่อ 02:54
|