คำว่าถ้ำ "ตับเตา" เดิมเรียกกันว่า "ถ้ำตั๊บเต้า" ตามภาษาเหนือตรงกับภาษากลางว่า "ถ้ำทับเถ้า" หรือ "ถ้ำทับขี้เถ้า"
ผู้คนชนชาวแถบถิ่นเหนือนิยมพูดถ้อยคำให้สั้นเช่น ถ้ำตั๊บขี้เต้า (ถ้ำทับขี้เถ้า) ตัดคำให้สั้นกระชับลงเป็น ถ้ำตั๊บเต้า (ถ้ำทับเถ้า) แต่คนภาคพื้นอื่นเรียกไปอีกอย่างว่า ถ้ำตับเตา
ตำนานความเป็นมาของถ้ำตับเตา มีอยู่ใน "ศิลาจารึก" ที่ถ้ำจำนวน ๓ แผ่น เป็นตัวหนังสือพื้นเมืองเก่าแก่โบราณเนื้อความยาวเหยียด สรุปโดยย่นย่อมีอยู่ว่า
สมัยอดีตกาลอันนานมาแล้ว ยังมีพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะกิเลสโดยชอบ ตามนัยแห่งองค์พระเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอนไว้ พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่หน้าถ้ำแห่งนี้ อยู่ต่อมาเมื่อสังขารอันไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานอันบรมสุขนิจนิรันดร์ ณ หน้าถ้ำแห่งนี้
เทพยดากับเทพเจ้าทุกสรวงสวรรค์ชั้นวิมาน เหล่ารุกขเทวาผู้สถิตอยู่ในป่าเขาเถื่อนถ้ำ ได้พากันเหาะมาถวายเพลิงพระสรีระองค์อรหันต์ตรงหน้าถ้ำแห่งนี้ เพลิงทิพย์ซึ่งเกิดจากอำนาจฤทธาภินิหาริย์ของทวยเทพเทวาทั้งหลายทั้งปวง ที่ร่วมกันเผาธาตุขันธ์พระอรหันต์ ได้ลุกลามไหม้ป่าใหญ่กินบริเวณกว้างไกลไปถึง ๓ กิโลเมตร กว้าง ๒ กิโลเมตร
นอกจากนั้นอำนาจเพลิงทิพย์อันเหนือกว่าไฟธรรมดายังลุกไหม้ลึกลงไปใต้พิภพ มีพลังอำนาจความร้อนแรงกล้าเกินที่จะหาสิ่งใดมายับยั้งอัคคีในคราวนี้ได้ เดือดร้อนไปถึงอาณาจักรใต้บาดาลของพญานาคราช ต้องกะเกณฑ์เหล่านาคากับนาคีหรือนาคหญิงชายให้เร่งรุดไปพ่นน้ำอาถรรพ์จากปากดับพิษไฟที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของเหล่าเทพยดา
ผลที่สุด ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มีขึ้นเองตามธรรมชาติของผู้ถือกำเนิดในภพพญานาค ทำให้ไฟจากอำนาจของเหล่าเทพยดาที่ลุกลามใกล้จะถึงพิภพพญานาคดับมอดสนิทลง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 15-02-2010 เมื่อ 21:28
|