อีกประการหนึ่งก็คือสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น ประกอบไปด้วยคิหิปฏิบัติ ก็คือหลักธรรมสำหรับฆราวาสทั่วไป ตั้งแต่ปุถุชนที่หนาด้วยกิเลส เริ่มจากการให้ทาน เป็นต้น
เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะตั้งหน้าตั้งตาทำบุญสุนทานทุกประเภททุกประการ จนกระทั่งบรรดาท่านที่เป็นปทปรมะไปกล่าวหาเขาทั้งหลายเหล่านั้นว่า ไปยึดติดกับสิ่งที่เป็นแค่เปลือก เป็นแค่กระพี้ของพระพุทธศาสนา แล้วถ้าหากว่าบุคคลที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรมขั้นต่ำก่อน จะให้เขาไปศึกษาธรรมขั้นสูงได้อย่างไร ? ขอให้ท่านทั้งหลายตรองตรงจุดนี้เอาไว้ด้วย
หลังจากที่ปฏิบัติในหลักของทานเป็นเบื้องต้นแล้ว ก็ยังมีหลักธรรมสำหรับกัลยาณชน ก็คือเรื่องของศีล หลังจากนั้นก็ค่อยไปเป็นสมาธิ ค่อยไปเป็นปัญญา ท่านทั้งหลายจึงจะสามารถพัฒนาตนเองเข้าสู่ความเป็นอริยชน ที่สามารถแตะถึงแก่นแท้แห่งธรรมได้
ดังนั้น...บรรดาท่านทั้งหลายที่ในปัจจุบันนี้ออกมาแสดงทัศนคติต่าง ๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา บางทีท่านเองก็แสดงทัศนคติจนกลายเป็น "ด้อยค่า" พระพุทธศาสนาของเราลงไป ด้วยความที่ท่านทั้งหลายยังศึกษาไม่ครบ ศึกษาไม่ถ้วน แต่ด่วนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมีแต่จะสร้างบาปหาบทุกข์ให้ตนเองเดือดร้อน จนอาจจะตกสู่อบายภูมิก็ได้..!
กล่าวมาถึงตรงจุดนี้ ท่านทั้งหลายก็จะหาว่ากระผม/อาตมภาพเอานรกมาขู่กันอีกแล้ว ถ้าหากว่าเป็นเรื่องนี้ กระผม/อาตมภาพไม่เสียเวลามาขู่ท่านทั้งหลาย เพราะขอยืนยันว่าเรื่องของนรก สวรรค์ พรหม พระนิพพานนั้นมีจริงแน่นอน เนื่องจากว่าได้ฝึกและปฏิบัติในกรรมฐานมา จนสามารถรู้เห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก่อนอายุครบ ๒๐ เสียอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2022 เมื่อ 01:23
|