ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ญาติโยมทั้งหลายก็ต้องร่วมใจกัน ทำอย่างไรจะให้เจ้าคุณหลวงตาท่านมีความชื่นใจ อยากจะอยู่สงเคราะห์พวกเรา ? ก็มีอย่างเดียวก็คือ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่เจ้าคุณหลวงตาท่านนำมาถ่ายทอดให้พวกเรานำไปประพฤติปฏิบัติกัน ถ้าหากว่าทำได้แบบชนิดที่เรียกว่าเป็นที่ยินดีและพอใจ เจ้าคุณหลวงตาท่านก็จะมีกำลังใจอยู่ต่อไป
เพราะว่าวันนี้ระหว่างที่รอฉันเพลอยู่ หลวงตาท่านชวนไปเข้าห้องน้ำ แล้วท่านก็ปรารภว่า "เล็กเว้ย..คนข้างนอกมันดูถูกมโนมยิทธิของหลวงพ่อเรามากเลย พวกเราพาเหรดเข้ากรุงเทพฯ ทางอากาศสักครั้งหนึ่งดีไหม ?" ได้กราบเรียนเจ้าคุณหลวงตาว่า "จะไปเมื่อไรบอกมาเลยครับ พร้อมทุกเมื่อ" ญาติโยมที่ได้ยินก็หัวเราะกันเฮฮา ไม่รู้ว่าสองพี่น้องพูดกันจริงหรือพูดกันเล่น แต่ขอให้ทราบว่าพระระดับนี้ ถ้าพูดแล้วก็คงจะไม่พูดเล่นหรอก เพียงแต่ว่าต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
เนื่องจากว่าสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่นั้น ท่านปรารภในเรื่องของการฝึกกสิณ เพราะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพที่บ้าเลือดที่สุด กว่าจะฝึกกสิณแต่ละกองได้ก็แทบจะเลือดตากระเด็น เพราะว่าไม่มีความเข้าใจ อย่างเช่นว่าการกำหนดภาพกสิณ ก็ใช้วิธีนั่งจ้อง พอจ้องนาน ๆ ไปก็แสบตา น้ำตาไหล เป็นต้น กว่าที่จะทำได้ถูกก็แทบที่จะต้องจ้องกันจนตาทะลัก..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคำว่า "เพ่ง" ในที่นี้นั้น เป็นการเอาใจกำหนดจดจำภาพกสิณ ลืมตามองภาพ ตั้งใจจำไว้แล้วหลับตานึกถึง พร้อมกับคำภาวนา เมื่อภาพนั้นเลือนหายไป ก็ลืมตามอง ตั้งใจจำใหม่ หลับตาลง นึกถึง ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกระทั่งลืมตาก็เห็น หลับตาก็เห็น แล้วทำการประคับประคองภาพกสิณนั้นเอาไว้ ให้อยู่กับเราทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งยืน ทั้งนั่ง
ช่วงนั้นกิเลสรัก โลภ โกรธ หลงอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะว่าถ้าพลาดเมื่อไรภาพกสิณก็หายไป กระผม/อาตมภาพเคยปรารภกับพระพี่พระน้องในยามที่มาคุยกันถึงการปฏิบัติว่า ยิ่งกว่าเลี้ยงลูกแก้วบนปลายเข็มอีก พลาดเมื่อไรก็ตกแตกเป๊ะ..! ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2022 เมื่อ 00:39
|