ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 03-08-2022, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนเรื่องสุดท้ายที่อยากพูดในวันนี้ก็คือ กระผม/อาตมภาพเข้าร่วมอบรมสัมมนาในโครงการสร้างหลักสูตรต่อต้านการทุจริต คราวนี้มีพระท่านถามว่า "ถ้าหากว่าบอกบุญญาติโยมว่าเอาเงินมาสร้างโบสถ์ แต่พอดีต้นไม้ล้มทับศาลาการเปรียญ หลังคาพัง เราสามารถเอาเงินส่วนนี้ไปซ่อมศาลาก่อนได้หรือไม่ ?" ปรากฏว่า ในที่สัมมนาเขาตอบปัญหาไม่ชัดเจน เพราะว่าผู้ตอบมีฆราวาสอยู่ด้วย เขาก็เน้นไปเรื่องความโปร่งใสของบัญชี

ขอให้พวกท่านที่เป็นพระภิกษุสามเณรจำไว้เลยว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่เราจะทำ ต้องระลึกถึงความเป็นพระเป็นเณรของเราก่อนเพื่อน ว่า ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว ตัวเองจะโดนอาบัติปาราชิกหรือไม่ ? เพราะว่าพระเรามีราคาแค่ ๕ มาสก ซึ่งเขาตีราคาให้แค่ ๑ บาทเท่านั้น เจตนาทุจริตแม้เพียงบาทเดียว ก็ขาดจากความเป็นพระแล้ว..!

แต่คราวนี้ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเราจำเป็นต้องทำ และทำไปโดยพลการ ก็อาจจะโดนปรับอาบัติอีก เพราะว่าไปทำศรัทธาไทยให้ตกไป ก็คือคนถวายเงิน ถ้ารู้เข้าก็เสียกำลังใจ เพราะว่าเขาต้องการจะสร้างโบสถ์ ไม่ได้ต้องการที่จะซ่อมศาลา..!


เพราะฉะนั้น...วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ เจรจาทำความตกลงกับทางเจ้าภาพว่า ขออนุญาตนำเงินนี้ไปใช้ในกรณีเร่งด่วนนี้ก่อน หลังจากนั้นจะจัดการสร้างโบสถ์ให้โยมอย่างแน่นอน ถ้าเจ้าภาพตกลง เราถึงจะใช้ได้ ถ้าไม่ตกลงก็ใช้ไม่ได้ ต้องยอมนอนตากแดดตากฝนเพราะหลังคาพังไปก่อน

เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เอากฎหมายเข้ามาจับ ไม่ใช่เอาหลักการทำบัญชีเข้ามาอ้าง แต่เราต้องระลึกถึงศีลของพระ คือพระวินัยไว้ก่อนเพื่อนเลย ในเมื่ออยู่ในลักษณะนี้ เราก็ต้องดูว่าถ้าทำแล้วจะขาดจากความเป็นพระหรือไม่ ? ถ้าทำแล้ว ทำให้ศรัทธาของโยมตกไปหรือไม่ ? จึงเอามาบอกเล่าให้พวกเราได้ฟังเอาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ

เนื่องเพราะว่าบางทีฆราวาสก็ไปเน้นในความชำนาญของตัวเอง ก็คือถนัดในเรื่องบัญชีก็จะให้แยกแยะออกมาให้ชัดเจนว่า ยืมจากบัญชีนี้เท่าไร ไปใช้เรื่องนั้นเท่าไร ถึงเวลาต้องหามาคืนเท่าไร เรื่องนั้นไว้ทีหลัง เพราะว่าอาบัติพระ ทันทีที่ทำการสำเร็จ เราก็ขาดจากความเป็นพระเลย ซวยไม่รู้จบจริง ๆ เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการทำบัญชีวัด สำคัญที่สุดคือเราต้องมีความละอายชั่วกลัวบาป สำนึกถึงสมณภาวะของตนเอง ถ้าหากว่าขาดตรงนี้แล้วทำบัญชีเมื่อไร ก็เตรียมตัวตายได้เมื่อนั้น..!

โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพเห็นมาเยอะมาก บางทีเพื่อนฝูงด้วยกันมอบหมายให้ช่วยทำหน้าที่ คุณรู้จักพระมาก ก็มอบซองปัจจัยเอาไว้เลย ถวายพระระดับนี้เท่านี้ ถวายพระระดับนั้นเท่านี้ แต่ที่
กระผม/อาตมภาพเห็นก็คือ พระท่านมาไม่ครบ พอถวายเสร็จสรรพเรียบร้อย เหลือกี่ซองท่านยัดใส่กระเป๋าตัวเอง แล้วแต่ละซองนั้นบาทเดียวเสียเมื่อไร มีโอกาสตายน้ำตื้นโดยคิดไม่ถึงเลยทีเดียว..!

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องระวังสุดขีด ต้องรักความเป็นพระเป็นเณรของเราให้มากเข้าไว้ ทำอะไรต้องระลึกถึงเรื่องของธรรมเรื่องของวินัยก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วโอกาสที่เราพลาดแล้วเสียชาติเกิดมีสูงมาก เพราะว่าถ้าโดนอาบัติปาราชิกไปก็ปิดมรรคปิดผลเลย ไม่ใช่แค่การบวชเป็นหมันอย่างเดียว ต่อให้สึกเป็นฆราวาสไป โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลก็ไม่มี

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2022 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา