ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 18-08-2022, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,463 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...บุคคลที่เคยชินกับความเจ็บปวด สภาพร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก ถ้าท่านทั้งหลายถามว่าเจ็บแค่ไหน ? เหมือนกับมีหัวใจอีก ๑ ดวงอยู่ที่นิ้วโป้งเท้า เต้นตึ้ก ๆ ๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจจริง ๆ เลย เป็นรสชาติของชีวิตดีมาก ถ้าอยากจะรับรู้ว่าปวดแค่ไหนก็คลายสมาธิออกมา ถ้าไม่อยากจะรับรู้ ก็เข้าสมาธิต่อไป

เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนักปฏิบัติธรรม เพราะจะทำให้เห็นว่าเรามีต้นทุนเท่าไร โดยเฉพาะเวลาที่ฉุกเฉิน เกิดอะไรขึ้นกะทันหัน เราจะรู้ชัดว่าสติ สมาธิของเรามีเท่าไร สภาพจิตของเรามีความเร็วสูงมาก เร็วกว่าแสงอีก..! แสงเดินทาง ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินาที ใช้เวลาประมาณ ๘ นาทีเดินทางจากดวงอาทิตย์มาถึงโลก แต่ใจของเราแค่คิดก็ไปถึงแล้ว

ในเมื่อจิตมีสภาพเร็วขนาดนั้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เราจะเห็นว่าทุกอย่างเหมือนกับช้า หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ตรงนี้ ก็คือช้าจนกระทั่งเราสามารถที่จะกำหนดสติได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร สถานการณ์ถึงจะออกมาดีที่สุด

ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่เร็วขนาดนี้ เราก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านกิเลสได้ เพราะว่ากิเลสเกิดเร็วมาก เร็วเท่า ๆ ความคิดของเรา การต่อต้านกิเลสจึงต้องเร็วในระดับที่เท่ากัน ทำอย่างไรที่มีสติรู้ตัว แล้วหยุดคิดให้ทัน กิเลสก็จะเกิดไม่ได้ ก็แปลว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านจำเป็นจะต้องฝึกฝนให้มากเข้าไว้

ประโยชน์ใหญ่สูงสุดก็คือ ป้องกันกิเลสไม่ให้กินใจของเราได้ทัน ประโยชน์รองลงไปก็คือระงับกายสังขาร ถ้าจิตเราอยู่กับการภาวนา ร่างกายจะเจ็บแค่ไหนก็เป็นเรื่องของร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรา

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เราท่านทั้งหลายยังต้องใช้ความเพียรพยายามในการฝึกฝนตนเองให้มากกว่านี้ ถ้าหากว่าหาใครเป็นตัวอย่างไม่ได้ ก็ดูกระผม/อาตมภาพที่เป็นตัวอย่างให้เห็น ๆ อยู่ เพียงแต่ว่าระยะนี้คงจะต้องเป็นคนหยิ่ง คุกเข่าให้ใครไม่เป็น เพราะว่าเล็บหัวแม่เท้าหลุดหายไป ไม่สามารถที่จะนั่งคุกเข่าได้ ต้องอยู่ในลักษณะของการนั่งในท่าที่ตนเองถนัดแทน

สำหรับวันนี้ก็มีเรื่องที่จะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2022 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา