ในการสนทนากันระหว่างราชกุมารในศากยตระกูลนั้น เมื่อตั้งปัญหากันขึ้นมาว่า "ภัตคืออาหารนั้น เกิดขึ้นที่ใด ?" เจ้าชายภัททิยะมีประสบการณ์สูงสุด เพราะว่ากษัตริย์สมัยนั้นต้องทำนาด้วย ได้ให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในนา" เจ้าชายกิมพิละไม่มีประสบการณ์อย่างนั้น แต่เคยเห็นข้าทาสบริวารขนข้าวออกมาจากยุ้ง ให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในยุ้ง" เจ้าชายอนุรุทธไม่เคยเห็นในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น นอกจากเป็นอาหารสำเร็จรูปอยู่ในสำรับแล้ว จึงให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในจาน"..!!!
โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขัน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือ "เปตอง" แต่สมัยนั้นบาลีใช้คำว่า "ลูกขลุบ" ในเมื่อมีการแข่งขันโยนลูกขลุบ อนุรุทธราชกุมารพ่ายแพ้ต้องเสียขนม ซึ่งแต่ละวันจะได้รับพระราชทานมาให้แก่เพื่อนฝูงไปแทน เมื่อถึงเวลาจึงบอกให้คนรับใช้ไปขอขนมมาจากพระราชมารดา
เมื่อพระราชมารดาเห็นว่าลูกเอาแต่เล่นลูกขลุบ แล้วก็แพ้พนันอยู่เรื่อย ขอขนมอยู่เรื่อย จึงอยากจะสอนให้ลูกรู้ว่า สิ่งที่ต้องการนั้นบางทีก็ไม่ได้อย่างใจ จึงได้เอาถาดเปล่าใบหนึ่งรอง ถาดเปล่าใบหนึ่งคว่ำไว้ แล้วส่งให้คนรับใช้ซึ่งทำสีหน้างง ๆ ว่า พระมเหสีจะเล่นอะไร ? ปรากฏว่าพระมเหสีได้ตอบว่า "ถ้าหากราชกุมารถามว่า ขนมไม่มีหรือ ? ให้ตอบไปว่า นี่คือขนมไม่มี..!"
ปรากฏว่าด้วยบุญเก่าที่อนุรุทธราชกุมาร ในอดีตได้อธิษฐานเอาไว้หลังจากทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วว่า "ขอให้ความไม่มีจงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ทำให้เทวดาทั้งหลายไม่สามารถที่จะทนอยู่ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องมีด้วยอำนาจบุญ จึงได้เนรมิตขนมทิพย์จนเต็มถาด ให้ราชกุมารได้เสวยแทน
เมื่อเปิดถาดขึ้นมา ปรากฏว่ากลิ่นหอมของขนมทิพย์นั้นขจรขจายไปไกลมากเป็นพิเศษ ดังนั้น..พระอนุรุทธเถระจึงได้ถามคนรับใช้ว่า "ขนมนี้เรียกว่าขนม ?" คนรับใช้ก็ตอบตามที่พระมเหสีกำชับไว้ว่า "นี่คือขนมไม่มี" อนุรุทธราชกุมารเสวยแล้วอร่อยมากเป็นพิเศษ จึงไปต่อว่าพระราชมารดาว่า "วันก่อน ๆ ไม่รักลูกหรืออย่างไร ถึงได้ไม่เคยทำขนมไม่มีนี้ให้ แต่ว่าวันนี้กลับทำมาให้ ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2022 เมื่อ 01:11
|