เรื่องพวกนี้เกิดจากการค่อย ๆ สั่งสมมาทีละเล็กทีละน้อย การสั่งสมความดีทุกประการก็เหมือนกับน้ำทีละหยด กว่าที่เราจะรู้ตัว บางทีก็เต็มตุ่มเต็มไหไปแล้ว แต่ในระหว่างที่สั่งสมอยู่นั้น ถ้าเราตั้งใจมาก บางทีเราก็อาจจะรู้สึกว่า ทำไมถึงช้าเหลือเกิน ? ตรงนั้นเป็นการเอาอารมณ์ใจที่ประกอบไปด้วยความอยากเข้าไปประเมิน สมมติว่าน้ำหยดทีละหยดด้วยความสม่ำเสมอ แต่เราไปตั้งหน้ารอคอย ก็จะรู้สึกว่าช้ามาก
เรื่องที่พวกท่านทั้งหลายกังวลกันอยู่ก็คือว่า บางท่านรู้สึกว่าตนเองพยายามรักษาศีล ปฏิบัติธรรมมา บางท่านก็ถึงขนาดเป็นสิบปี บางท่านก็หลายปี แล้วก็จะมานึกน้อยใจว่า เราทำมานานขนาดนี้ ทำไมยังไม่เห็นหน้าเห็นหลังเสียที ?
ตรงจุดนี้ ขอให้ท่านนึกถึง สมมติว่าท่านจะไปเชียงใหม่ เดินทางจากกาญจนบุรีจะไปเชียงใหม่ ถ้าหากว่าวิ่งตรงก็ต้องผ่านบ้านโป่งของราชบุรี เข้านครปฐม เข้ากรุงเทพฯ ขึ้นไปปทุมธานี อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ไล่ขึ้นไปจนถึงลำปาง ลำพูน เชียงใหม่
คราวนี้ท่านทั้งหลายอยู่ที่กาญจนบุรีแล้วเล็งเป้าไปที่เชียงใหม่เลย ก็จะรู้สึกว่าไม่ถึงเป้าหมายที่ตนเองตั้งใจไว้สักที แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูไปทีละขั้นว่าเราผ่านที่ใดไปบ้าง ตอนนี้เราอาจจะไปถึงกำแพงเพชร ถึงตากแล้วก็ได้
วิธีดูย้อนหลังก็ดูว่า ก่อนหน้านี้ที่เราจะรู้ในเรื่องของบาปบุญคุณโทษ เราอาจจะเป็นบุคคลที่ไม่มีศีลเลยแม้แต่ข้อเดียว ศีล ๕ ข้อละเมิดสมบูรณ์ครบถ้วนเหมือนสุปติฏฐิตเทพบุตร หลังจากนั้นเมื่อเรารู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ก็พยายามที่จะปรับปรุงแก้ไขตนเอง จากคนที่ไม่มีศีล ก็รักษาศีลได้บ้าง รักษาไม่ได้บ้าง ขาดตกบกพร่อง
หลังจากเพียรพยายามไปอีกระยะหนึ่ง เราก็สามารถรักษาศีลทุกสิกขาบทได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่ก็รู้สึกว่าหนักมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2022 เมื่อ 01:47
|