ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 19-10-2022, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,016 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้ำติ่งแห่งนี้นั้น แต่เดิมสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระองค์ท่านเสด็จขึ้นล่องแม่น้ำโขง แม่น้ำคานอยู่เป็นประจำ ได้บนบานศาลกล่าวว่า ถ้าหากว่าการเดินทางครั้งนั้นปลอดภัย ก็จะสร้างพระพุทธรูปมาถวายไว้ในถ้ำติ่ง ๑ องค์ หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จหลายต่อหลายครั้ง พระพุทธรูปก็มีมากขึ้น และมีผู้เห็นค่านิยม ได้กระทำการบนบานศาลกล่าวตามไปแบบเดียวกันด้วย

เพราะว่าแม่น้ำโขงนั้น สมัยก่อนหลากไหลได้ดุเดือดมาก การเดินทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุอันตรายได้ทุกเมื่อ จึงมีการบนบานศาลกล่าวกันมากขึ้น ๆ เมื่อสำเร็จสมประสงค์ก็นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานไว้ในถ้ำ จนกระทั่งมีจำนวนเป็นพัน ๆ องค์

พวกเราใช้เวลาเดินทางทวนน้ำขึ้นไป ๒ ชั่วโมง ๑๐ นาที ผ่านสิ่งแปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็น อย่างเช่นว่าสถานีน้ำมันลอยน้ำ ซึ่งเป็นเรือบรรทุกถังน้ำมันขนาดใหญ่ ถ้าหากว่าเรือของใครมีปัญหาขาดแคลนน้ำมัน ก็สามารถแวะเติมได้ทุกเวลา แล้วก็มีเรือในลักษณะเรือโรงแรมลอยน้ำ ซึ่งทางบ้านเรายังไม่ได้เห็นเป็นล่ำเป็นสันเหมือนกับทางด้านนี้ ตลอดจนกระทั่งสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงตรงไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูงต่อจากหลวงพระบางไปนั่นเอง

เมื่อพวกเรามาถึงถ้ำติ่งซึ่งอยู่ในบริเวณแม่น้ำโขงกับแม่น้ำคานไหลมาพบกัน ด้านทางแม่น้ำคานนั้นมีภูมิประเทศพิเศษ คือ ภูเขาด้านบนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น "โลงศพนางอั้ว" ตามตำนาน "ท้าวขูลู - นางอั้ว" ของประเทศลาว "ท้าวนุ" ช่วยซื้อ "ปี้" ก็คือตั๋วในการเข้าชมถ้ำ แล้วก็ขึ้นบันไดเข้าถ้ำไปกราบพระ กระผม/อาตมภาพช่วยในการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งถ้ำติ่งล่างและถ้ำเทิงทางด้านบน ด้วยการทำบุญไปแห่งละ ๑๐๐ บาทไทย ก็ตีเสียว่าทำบุญไปเป็นจำนวนหลายหมื่นกีบทีเดียว..!

เมื่อชมถ้ำทั้งล่างทั้งบนเสร็จแล้ว ย้อนกลับลงมาที่เรือ เพิ่งจะเห็นป้ายว่าเรือลำที่เราอาศัยมานั้น ชื่อว่า "หนุ่มเทิงสาวทุ่ง" ซึ่งอยู่ในลักษณะของ "หนุ่มภูเขาสาวท้องนา" นั่นเอง ทางด้านแม่ครัวในเรือได้เตรียมอาหารกลางวันไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงได้อิ่มอร่อยกันอีกวาระหนึ่ง

โดยเฉพาะมีการสั่งเอาส้มตำพิเศษ นอกเหนือจากเมนูที่ได้รับการจัดสรรให้อีกด้วย แต่ว่ายังไม่ทันไร เรือของพวกเราก็มาจอดอยู่ที่หน้าท่าน้ำขึ้นสู่วัดเชียงทอง ซึ่งเป็นท่าน้ำที่ "เจ้ามหาชีวิต" เสด็จขึ้นไปนมัสการพระ แสดงว่าขาล่องซึ่งไหลตามแม่น้ำนั้น ทำเวลาได้เร็วมาก ก็คือขาขึ้นใช้เวลาไป ๒ ชั่วโมงเศษ แต่ว่าขาล่องมาถึงหน้าวัดเชียงทองนั้น อยู่ที่ประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

เมื่อเรือเทียบท่า กระผม/อาตมภาพได้ก้าวลงบันไดท่าน้ำ แต่ว่าเกิดเรื่องแปลกขึ้นมา คือ ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตนเองขาดหายไปตอนไหน จึงได้หกล้มลงไปฟาดพื้นบันไดตรงนั้นนั่นเอง ลักษณะแบบนี้คือลักษณะของการที่ "กรรมเก่ามาสนอง" ถ้าหากว่าไม่ได้ปล่อยปูปล่อยปลา ช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดไปได้ก่อน ก็อาจจะหนักหนาสาหัสถึงขนาดสิ้นชีวิตเลยทีเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2022 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา