ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 29-10-2022, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,257 ครั้ง ใน 34,249 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพนั้นตอนแรกก็ยังไม่เชื่อถือ แต่ปรากฏว่ามาดูจากโยมตา ก่อนจะเสียชีวิตได้ขอข้าวกิน ๑ ชาม พวกลูกหลานอย่างกระผม/อาตมภาพจะไปตักให้ แต่ว่าเพื่อนของตาที่เปิดร้านตีเหล็กใหญ่โตมโหฬาร เรียกง่าย ๆ ว่ารับงานเกือบจะทั้งจังหวัดสุพรรณบุรีในช่วงนั้น กิจการรุ่งเรืองมาก ไม่ทราบว่านึกอย่างไร บอกว่า "เดี๋ยวข้าไปเอาให้เอง" แล้วแกก็ไปก็ตักข้าว เอากับข้าวโปะมาพร้อมกับตะเกียบเรียบร้อย

เมื่อโยมตากินเสร็จแล้วก็หลับไปเฉย ๆ พวกบรรดาผู้ใหญ่ เมื่อรู้ว่าโยมตาเสียชีวิตแล้วก็กระซิบกันว่า "อาเจ็กโรงตีเหล็กท่าจะแย่ เพราะว่านี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่ตากินไป ลูกหลานของอาเจ็กน่าจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ว่าดีที่พวกเราอย่างน้อย ๆ ก็ยังเหลืออยู่ ๑ มื้อ เพราะว่าโยมตาไปกินของคนข้างบ้านแทน"

เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็สังเกตมา ปรากฏว่าไม่นาน กิจการโรงตีเหล็กก็มีอันซบเซาลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ต้องปิดกิจการไป อาเจ็กเจ้าของโรงตีเหล็กเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่ปี แล้วลูกหลานก็กระจัดกระจายแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ไม่น่าเชื่อว่ากิจการที่เจริญรุ่งเรืองระดับนั้น ถึงกับหมดสภาพได้ภายในระยะเวลาไม่นานเท่านั้น..!

เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราถือเป็นภูมิปัญญาโบราณ ก็ขอให้ทุกคนลองสังเกตดูว่าญาติพี่น้องของตนเองเป็นอย่างไร โยมพ่อของกระผม/อาตมภาพนั้น กินอาหารมื้อเย็น แต่ว่าหลังจากนั้นก็หลับยาวมาเลยโดยที่ไม่ได้กินอีก จนกระทั่งไปเสียชีวิตในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น จะเรียกว่าเหลือให้ลูกครบทั้ง ๓ มื้อก็ว่าได้ ดังนั้น..ลูกหลานทุกคนจึงเจริญรุ่งเรือง มีกิจการเป็นของตนเองหมด

โยมแม่นั้น ตอนเสียชีวิตก็ต้องบอกว่าไม่ได้กินอะไรมาข้ามวันเหมือนกัน ก็แปลว่าเหลือให้พวกเรามาครบทุกมื้อเช่นเดียวกัน โยมยายก็อยู่ในลักษณะเช่นเดียวกัน จึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ในส่วนที่
คนจีนโบราณเขากล่าวเอาไว้ และสืบทอดกันมาให้เป็นข้อสังเกตนั้น ตรงจุดนี้จะแม่นยำจริงเหมือนอย่างกับที่โยมตาเสียชีวิตหรือไม่ ? ก็ขอฝากเอาไว้สำหรับญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรของเรา เป็นข้อในการยึดถือและสังเกตสังกากันต่อไป

ถ้าหากว่าเป็นไปตามนั้นสัก ๒ หรือ ๓ รายต่อเนื่องกัน เราค่อยมาสรุปว่า ภูมิปัญญาโบราณนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างแท้จริง


ถ้ายังไม่สามารถที่จะชัดเจนได้ภายใน ๒ หรือ ๓ ราย ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นไปดังนั้น เพราะอาจจะเป็นกรรมเก่าบางอย่างมาสนอง ทำให้บุคคลที่เจริญมั่นคง อยู่ ๆ ก็ต้องมีอันเป็นไป ในลักษณะของอนาถปิณฑิกเศรษฐี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ แต่เมื่อกรรมเก่ามาสนอง ทรัพย์สินทั้งหลายก็สูญสิ้นไป จนกระทั่งกลายเป็นคนยากจน จากที่เคยถวายภัตตาหารองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยข้าวมธุปายาส ก็กลายเป็นว่าได้ถวายแต่ข้าวต้มกับน้ำผักดองเท่านั้น ยังดีที่ว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐีนั้น สร้างกุศลต่อเนื่องมาก จึงทำให้ได้ทรัพย์สินทั้งหลายกลับคืนมา จนกระทั่งกลายเป็นมหาเศรษฐีตามเดิม

สำหรับวันนี้ก็ขอฝากข้อคิด ตลอดจนกระทั่งเรื่องราวภูมิปัญญาโบราณไว้กับพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ ถ้ามีเสียงรบกวนอะไรก็ต้องขออภัย เพราะว่าบรรยายธรรมอยู่ข้างหน้าลำโพงวัดหนองโพที่เปิดเพลงพญาโศกอยู่เลย..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2022 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา