แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ พระหลายรูปในวัดท่าขนุน ก็มีความรู้สึกลักษณะอย่างนี้ อาตมาต้องบอกกับเขาว่า "พวกคุณไม่ต้องกังวลใจ ผมเข้าใจตรงจุดนี้ แต่ละคนเราเกิดมาหลายต่อหลายชาติ คนที่เขาสร้างบารมีร่วมกับเรามา เขามีอยู่ ถึงเวลาเขาตามมา หน้าที่ของพวกคุณ ก็คือ สงเคราะห์พวกเขาให้ดีที่สุด เราต้องสามารถรักษาเขาให้อยู่กับเราไว้
ถ้าสมมติเขามาหาคุณที่วัดท่าขนุน คุณต้องรักษาโยมคนนี้ให้มาวัดท่าขนุนให้ได้ แล้วขณะเดียวกันถ้าหาเพิ่มได้ยิ่งดี เพราะถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระครูบาอาจารย์และก็ช่วยงานพระศาสนาโดยตรง เพราะฉะนั้น..ถ้าใครมาว่าคุณวัดรอยเท้าผม หรือใครจะมากล่าวหาว่า คุณคิดที่จะล้มผมออกจากตำแหน่ง ผมไม่ฟังหรอก
ถ้ารู้จักคิด คุณอ่านพระไตรปิฎกแล้ว ต้องไปพิจารณาดู เวลาพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พาบริวารมาอย่างละ ๒๕๐ พระพุทธเจ้ามีแต่สาธุการสรรเสริญ เปรียบพระโมคคัลลาน์เหมือนกับพี่เลี้ยง พระสารีบุตรเหมือนกับนางนม ช่วยสงเคราะห์บรรดาพระใหม่ทั้งหลาย จนกระทั่งกลายเป็นธรรมเสนา หรือทหารในกองทัพธรรม เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
พระมหากัจจายนะ อยู่กรุงอุชเชนนี ไกลสุดกู่เลย ถึงเวลาพาบริวารมา ๒๐๐ - ๓๐๐ พระพุทธเจ้ามีแต่สาธุการ ตรัสว่า ให้เอาอย่างพระมหากัจจายนะ ท่านสามารถสั่งสอนลูกศิษย์ จนกระทั่งมีญาติโยมศรัทธา ตามมาบวชขนาดนี้ได้ ถ้าพระพุทธเจ้าคิดอย่างพวกคุณ ศาสนาเราเผยแผ่ต่อไปไม่ได้" ก็ต้องชี้แจงให้เขาฟัง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2014 เมื่อ 13:05
|