วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ พวกเราก็เหลือกันอยู่ไม่ถึง ๒๐ รูปดีกระมัง ? อ้อ...เกินสิ ยังมีเวรยามอยู่ด้วย..ใช่ไหม ? เพราะว่าส่วนหนึ่งก็ลา ซึ่งการลานั้น ถ้าหากว่ากลับบ้านกลับช่องเมื่อไร ก็จะมีแต่เรื่องร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจ มาให้เมื่อนั้น..!
ส่วนหนึ่งก็ไปปฏิบัติธรรมประจำปีของพระนิสิต มจร. อีกส่วนหนึ่งหนักกว่านั้นอีก ไปเป็นพระวิปัสสนาจารย์คุมการปฏิบัติธรรมของพระนิสิต ก็ต้องบอกว่าแต่ละรูปล้วนแล้วแต่มีภาระหน้าที่มากขึ้น ๆ ตามอายุกาลพรรษาของเรา
ในส่วนที่ต้องระวังที่สุดก็คือ ทำอย่างไรที่จะให้กำลังใจของเรามั่นคง จะได้มีกำลังในการทำงานอย่างหนึ่ง จะได้รักษากำลังใจไม่ให้ฟุ้งซ่านอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นปัญหาที่ท่านทั้งหลายจะต้องไปหาทางแก้ไขกันเอาเอง เพราะว่าต่อให้บอกวิธีการไปเท่าไร ถ้าพวกเราไม่เอาก็เหนื่อยเปล่า..!
เรื่องพวกนี้ไม่สามารถที่จะทำแทนกันได้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของพวกเราเอง ถ้าแค่ทำวัตรสวดมนต์ เจริญกรรมฐาน ยังมาตรงเวลาไม่ได้ ก็มองเห็นอนาคตแล้วว่าเป็นอย่างไร แสดงว่ากำลังใจเราไม่ได้ปักมั่นอยู่กับวัตรปฏิบัติเหล่านี้เลย
วัตรปฏิบัติเหล่านี้ก็คือเกราะที่จะกำบัง คุ้มภัย ไม่ให้เราโดน รัก โลภ โกรธ หลง ทำร้ายได้มากนัก ในเมื่อเราไม่สนใจที่จะใส่เกราะ ก็เท่ากับว่าเดินตัวเปล่าออกรบ โอกาสตายมีสูงมาก..!
วันนี้กระผม/อาตมภาพไปหาหมอตามนัด ส่วนหนึ่งที่โดนหมอตำหนิมาก็คือ พอเข้าเดือนที่สอง หมอให้ไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลใกล้วัด แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเองไม่มีเวลา พวกท่านก็จะเห็นว่าแต่ละวันกระผม/อาตมภาพมีภารกิจมากมายมหาศาล แต่หมอบอกว่าช่วงนี้ ก็คือระหว่างเดือนที่สองกับเดือนที่สามเป็นช่วงวิกฤต เพราะว่าบาดแผลหายแล้ว เหลือแต่การฟื้นตัวของเส้นประสาท ซึ่งถ้าเราไม่ทำกายภาพบำบัดเอาไว้ช่วงนี้ ถ้าหากว่าเสียหายถาวรไปเลย ก็เป็นอันว่าไม่ต้องไปทำอะไรกันอีกแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2022 เมื่อ 02:48
|