หลายท่านที่เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมีข้อบังคับในการศึกษาว่า แต่ละชั้นปีนั้น ถึงเวลาจะต้องมีการปฏิบัติธรรมประจำปี ๑๐ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ๔๕ วันบ้าง ตามแต่หลักสูตรที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษาอยู่
แล้วจากประสบการณ์ที่ได้ไปบรรยายให้แก่นิสิตที่เข้าปฏิบัติธรรมประจำปีหลายแห่งก็คือ หลายท่านรู้สึกว่าทุกข์ทรมานมากจากการที่ต้องปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ใช่ในส่วนที่กำลังของตนเองสามารถจะแบกรับได้ ถ้าพูดกันแบบไม่เกรงใจก็คือบารมียังไม่ถึง..! แต่ในเมื่อหลักสูตรบังคับมา ท่านทั้งหลายก็รู้สึกเหมือนอย่างกับแบกช้างไว้ทั้งตัว ไม่ทราบว่าจะโดนช้างทับตายเอาเมื่อไร..!?
ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ท่านที่เข้ามารับฟังรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมก็ดี ท่านที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอยู่ก็ตาม ขอให้ทราบว่าท่านที่มาถึงในระดับนี้ได้นั้น ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรมจริง ๆ ท่านมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงความหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้เลย..!
แต่คราวนี้การที่ท่านทั้งหลายมาปฏิบัติธรรมนั้น อานิสงส์ในเบื้องต้นที่ควรจะมีควรจะได้รับ เรียกว่าเป็นทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ที่เห็นทันตาในชาติปัจจุบันนี้นั้น
ในระดับที่ต่ำสุดเลยก็คือ การปฏิบัติงานของท่านทั้งหลายจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าสมาธิของเราจะจดจ่ออยู่กับการงานเหล่านั้นได้มากกว่าบุคคลทั่วไป ในเมื่อกำลังใจจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า บางทีเวลาผ่านไป เราก็ไม่รู้ตัว บางท่านก็ถึงขนาดที่ว่ารอบข้างมีกิจการงานใด ๆ วุ่นวายแค่ไหนก็ตาม ไม่สามารถที่จะรับรู้สิ่งเหล่านั้นได้เลย เพราะว่าใจมุ่งอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้น นี่เป็นอานิสงส์เบื้องต้นแบบที่เห็นได้ชัดเจนและทันตา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2023 เมื่อ 09:24
|