ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 01-01-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,660 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนหน้านี้เราอาจจะบำเพ็ญภาวนา ตั้งจิตกระทำไปโดยไม่ได้คิดจะหวังผล แต่ว่าการที่เราปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องแปลก ถ้าเราอยาก มักจะไม่ได้ หมดอยากเมื่อไรก็มักจะได้ตอนนั้น ดังนั้น..ท่านที่จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก เมื่อถึงเวลา พยายามที่จะประพฤติปฏิบัติโดยตั้งใจจะเอาให้ดีเหมือนเดิม ก็มักจะไม่สามารถที่จะดีเหมือนเดิมได้

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านไปทำด้วยความอยาก ในเมื่อเอากิเลสนำหน้า เอาตัณหานำทาง ท่านทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงกำลังใจในระดับเดิมได้อีก จนกระทั่งมีครูบาอาจารย์หลายท่านถึงขนาดบอกว่า ถ้าท่านทั้งหลายเคยทำความดีได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว กำลังความดีลดหายไป ท่านพยายามจะทำใหม่เท่าไร ก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งความจริงครูบาอาจารย์ท่านนี้ว่ากล่าวตามประสบการณ์ของท่านเอง

ความจริงแล้วการที่เราจะทำให้กำลังใจกลับไปสู่ในระดับเดิมที่ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจเราไม่ได้ มีความสุข มีความเยือกเย็นเหมือนเดิมนั้น ง่ายที่สุดก็คือให้ตั้งกำลังใจอยู่ว่า เรามีหน้าที่ปฏิบัติภาวนา ส่วนจะได้หรือไม่ได้ก็ช่างมัน ถ้าท่านทำกำลังใจอย่างนี้ได้ โอกาสที่จะกลับคืนไปสู่ความดีในระดับเดิมนั้นจะเป็นไปโดยง่ายมาก

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านทั้งหลายเข้าถึงอุเบกขารมณ์ เพราะว่ากำลังของอัปปนาสมาธิทุกระดับ ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนั้น จะมีเอกัคตารมณ์ คืออารมณ์ที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว แต่เมื่อแยกแยะจริง ๆ แล้วจะเห็นว่า เป็นเอกัคตาคือความเป็นหนึ่ง กับอุเบกขาคือความปล่อยวาง

ดังนั้น..ถ้าท่านไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้ โอกาสที่ท่านจะกลับเข้าไปสู่กำลังใจระดับเดิมจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2023 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา