ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 07-01-2023, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,085 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อตัวหลวงพ่อก็เจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ ตัวเราก็เจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าจะเกิดมาแล้วไม่พบกับความทุกข์ยาก คือความป่วยเช่นนี้ย่อมไม่มีเลย เราไม่พึงปรารถนาการเกิดมาเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้อีก แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่คิด นอกจากไม่คิดแล้ว ยังเลยไปเฉย ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ไปควานหาในส่วนของทาน แทนที่จะเป็นในส่วนของศีล หรือว่าในส่วนของภาวนา

กระผม/อาตมภาพเองไม่มีเวลาที่จะมาค่อย ๆ ชี้แจงว่าสิ่งที่พูดไปนั้น ท่านต้องคิดอย่างไร ? ท่านต้องจับประเด็นอย่างไร ? จึงปล่อยให้เป็นไปตามปัญญาเฉพาะหน้าของแต่ละคน แล้วก็เกิดอาการ "น้ำตาจิไหล" ก็คือว่า ทำไมลูกศิษย์ของกูโง่ได้ใจขนาดนี้วะ..!

จึงทำให้กระผม/อาตมภาพคิดว่า ถ้าหากว่าเสียเวลาเทศน์เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไปทุกวัน ๆ แล้วไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย นอกจากทานบารมีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ญาติโยมทั้งหลายถมมา จนกระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ว่าจะขนเอาไปทำอะไร ถ้าเช่นนั้นเราก็ไม่ควรที่จะเทศน์ต่อไปอีกแล้ว เพราะว่าหาประโยชน์แทบจะไม่ได้เอาเสียเลย เป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับครูบาอาจารย์ทั่วไป ถ้าหากว่าสอนแล้ว ลูกศิษย์สามารถเข้าใจได้ รับเอาความรู้ทั้งหลายนั้นไปได้ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถจดจำ นำไปพลิกแพลงใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ย่อมมีความชื่นใจ มีกำลังใจที่จะสั่งสอนทุกคนต่อไป

แต่ถ้าสอนไปเท่าไร ทุกท่านก็ได้แต่นั่งตาลอย จับประเด็นไม่ได้ว่าสอนเรื่องอะไร เนื้อหาหลักคืออะไร ? เนื้อหาย่อยคืออะไร ? อธิบายขยายความแล้วออกมาเป็นอย่างไร ? ถ้าเช่นนั้นเชื่อว่าครูบาอาจารย์ทุกท่านก็คงไม่มีอารมณ์ที่จะสอนต่อเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2023 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา