พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญบาปอันเป็นเหตุให้นามรูปเกิด ซึ่งกำลังเกิดขึ้นขณะนี้มีหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า มี กล่าวคือ เมื่อตาได้เห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส
กายได้แตะต้อง ใจได้รับอารมณ์ ย่อมเกิดความรู้(วิญญาณ)ขึ้น
ถ้าเป็นอารมณ์ที่ดี ก็รู้สึกชอบ พอใจ พยายามดิ้นรนหาต่อไป
ถ้าเป็นอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ พยายามดิ้นรนหนี
เมื่อต้องดิ้นรนอยู่ ก็จำต้องยึดถือวิธีการหนึ่งใด ซึ่งตนเห็นว่า จะช่วยให้การดิ้นหาหรือดิ้นหนีนั้นสมประสงค์
เป็นเหตุให้การกระทำ คำพูด ความคิดดีบ้างชั่วบ้าง เกิดเป็นบุญบาป กุศลอกุศลขึ้นในทันที
ขอถวายพระพร เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงว่าบุญบาปซึ่งเกิดอยู่ในขณะนี้มี
ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญก็ตาม บาปก็ตาม เมื่อยังไม่ให้ผล ไปรออยู่ที่ไหน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ก็ติดตามผู้ทำไปดุจเงาตามตัว ถ้าได้โอกาสเมื่อใด ก็ให้ผลเมื่อนั้น
ม.พระคุณเจ้าสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า อยู่ที่นั่น อยู่ที่นี่
น.อาตมภาพไม่สามารถจะชี้ถวายได้ เหมือนต้นไม้ยังไม่ออกผล พระองค์จะสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า ผลอยู่ที่นั่น ที่นี่
ม.ชี้ไม่ได้
น.ขอถวายพระพร บุญบาปก็เช่นเดียวกับผลไม้นั้น คือเมื่อกำลังติดตามไป ก็รู้ไม่ได้ว่า เวลานี้อยู่ที่ไหน
ม.เข้าใจล่ะ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:22
|