แต่ว่าหลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้วนอนต่อ..นอนไม่ได้ โกรธจนมือตีนสั่นไปหมด รู้สึกอยู่อย่างเดียวว่า "ถ้ากูเตะมันซะเองจะดีกว่านี้..!" นั่นก็คือกำลังใจของเราที่โดนกำลังสมาธิกดเอาไว้ แล้วไม่ค่อยจะรู้สึกรู้สากับแรงกระทบ อย่าเผลอคิดว่าตนเองดีแล้วเป็นอันขาด เพราะว่าถ้ากำลังสมาธิลดลงเมื่อไร กิเลสก็จะกำเริบได้ทันที
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่า ใครก็ตามที่ทำงานคันถธุระ ความจริงคำว่า คันถธุระ ก็คือการศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์ แต่ว่าในที่นี้รวมเอางานการก่อสร้าง งานโยธาทุกประการเข้าไปด้วย ท่านบอกว่า ถ้าสามารถทำใจได้ จะเข้าถึงมรรคถึงผลได้ง่ายกว่าคนอื่น
ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ไม่เชื่อ แต่ว่าหลังจากที่ทดลองภาวนาอย่างเดียวอยู่หลายปี พอกำลังใจไปกระทบอย่างอื่นก็พัง ถึงได้เข้าใจว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าตราบใดที่เรายังไม่สามารถทนต่อการทดสอบได้ ตราบนั้นก็ยังหาความดีที่แท้จริงไม่ได้ เราต้องพบกับแรงกระทบต่าง ๆ แล้วสามารถก้าวข้ามไปได้ โดยที่ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่กำเริบ ถึงจะถือว่าใช้ได้
แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่างที่บอกเอาไว้ว่า ตรงหน้าไม่กำเริบ แต่ลับหลังอาจจะอีกหลายชั่วโมง หรือหลายวัน หรือเป็นเดือนเป็นปี กำลังสมาธิลดลง ขาดความระมัดระวัง ตอนนั้นกิเลสจะกำเริบได้ แล้วก็จะทำให้เราเสียผลของการปฏิบัติไป
อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องที่พวกเราอาจจะเห็นว่า ในช่วงบ่ายมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลทองผาภูมิทั้งหมดมาเวียนเทียน แล้วก็ขอให้กระผม/อาตมภาพ กล่าวสัมโมทนียกถา อนุโมทนาในเรื่องที่เขาทั้งหลายได้ทำ แต่ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะโดนตีแสกหน้าไปมากกว่า..!
เพราะว่าในเรื่องของการเวียนเทียนนั้น โดยประเพณีนิยมแต่โบร่ำโบราณมา บ้านเราเวียนเทียนกันอยู่แค่ ๔ วัน ก็คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา แล้วก็ วันอาสาฬหบูชา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 18-03-2023 เมื่อ 00:19
|