วันมาฆบูชาเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือหลักคำสอนที่จะไปใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้เป็นไปในแนวเดียวกัน ก็คือแนะนำให้ญาติโยมทั้งหลาย ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วก็ยังเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปลงอายุสังขาร ก็คือตัดสินใจว่าอีก ๓ เดือนข้างหน้า จะปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา พวกเราส่วนใหญ่จะจำแค่ว่าเป็นวันแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
วันวิสาขบูชา คือวันที่พระองค์ท่าน ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ตามที่เราเข้าใจกันทุกคนอยู่แล้ว
วันอัฏฐมีบูชาเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พูดภาษาชาวบ้านคือ วันที่เผาพระพุทธเจ้า ปัจจุบันนี้ในประเทศไทยมีการจัดงานวันอัฏฐมีบูชาแค่ไม่กี่แห่ง แล้วบ้านเราถือว่าโชคดีเพราะว่ามีพระแท่นดงรัง ซึ่งเขาเชื่อกันว่าเป็นพระแท่นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์พระปรินิพพาน จึงมีการจัดงานวันอัฏฐมีบูชาด้วย
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา เป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีแต่พระพุทธและพระธรรมเท่านั้น จนกระทั่งพระอัญญาโกณฑัญญะรู้ทั่วถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับการบวชโดยเอหิภิกขุอุปสัมปทา กลายเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงมีพระรัตนตรัยครบถ้วน
ในเมื่อเป็นวันสำคัญของทางพระพุทธศาสนา การสร้างบุญกุศลที่นิยมอย่างหนึ่ง ก็คือถวายบูชาด้วยแสงสว่างด้วยการการเวียนเทียน ดังนั้น..ในเรื่องของการเวียนเทียน ไม่ใช่ว่าคิดจะเวียนเทียนวันไหนก็ได้ แต่ว่าคนไทยเรามักจะมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ไม่กล้าขัดผู้มีอำนาจ ในเมื่อเจ้านายสั่ง ต่อให้ผิดก็ต้องทำ สังคมบ้านเราจึงบิด ๆ เบี้ยว ๆ ไปหมด เพราะว่าทำสิ่งผิดจนกลายเป็นถูกไปมากมายแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2023 เมื่อ 02:57
|