วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันสุดท้ายในโครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสำหรับเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ อากาศช่วงเช้าอยู่ที่ประมาณ ๑๙ องศาเซลเซียส น่านอนมาก ๆ แต่กระผม/อาตมภาพก็ออกไป "เรียกแขก" ตั้งแต่ตี ๓ ครึ่งเหมือนเดิม
เมื่อถึงตี ๔ ก็แจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ให้ทุกท่านกำหนดกำลังใจไปตามที่กระผม/อาตมภาพได้สอนมาทุกเช้า อยู่ในลักษณะ "หากินเอาเอง" เพราะว่าถ้ามัวแต่รอครูบาอาจารย์นำอยู่ เมื่อไรเราถึงจะสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองเสียที ตราบใดที่เรายืนให้มั่นคงด้วยตนเองไม่ได้ เราก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือผู้ใดได้ เนื่องเพราะว่าตนเองก็ยังคงลอยตามน้ำอยู่ แล้วจะไปช่วยเหลือผู้อื่นให้ขึ้นจากน้ำ ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่ง สามารถเป็นเกาะ ยืนหยัดต้านกระแสน้ำเชี่ยวหรือว่าสามารถก้าวขึ้นสู่ฝั่งได้เลย ก็จะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อจบจากกรรมฐานภาคเช้า พวกเราก็ได้รับบิณฑบาต ซึ่งบรรดาเจ้าภาพก็น่ารักเหลือเกิน เพราะว่าวิ่งมากันตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ ช่วยกันจัดเตรียมอาหารคาวหวานต่าง ๆ เอาไว้มากมายจนเหลือล้น แต่กระผม/อาตมภาพก็ยังคงปฏิบัติตนเหมือนเดิม ก็คือถ้าเป็นข้าวต้มก็ ๑ ทัพพี ซึ่งถ้าตั้งใจตักจริง ๆ ก็คงตกอยู่ที่ประมาณ ๕ ช้อนโต๊ะ..! ถ้าหากว่าเป็นข้าวสวยก็ครึ่งทัพพี ส่วนกับข้าวก็ตักทุกอย่าง ๆ ละ ๑ ช้อน ซึ่งขอบอกว่ามากมายเพียงพอแก่การอิ่มเลยทีเดียว
หลังจากที่ฉันเช้าแล้วก็ปล่อยให้ทุกท่านไปเก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่ เนื่องเพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ท่านใดที่รถอยู่ในศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครปฐมศูนย์ที่ ๒ ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ก็ให้นำเอาข้าวของขึ้นรถไปเลย
หลังจากนั้นเมื่อ ๘ โมงตรง กระผม/อาตมภาพก็ขอให้ทุกท่านมาพร้อมกันที่ศาลาปฏิบัติธรรม ทำการกราบขอขมาพระวิปัสสนาจารย์เสียก่อน ซึ่งในฐานะที่กระผม/อาตมภาพเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่มีอายุกาลพรรษาสูงสุด จึงต้องเป็นผู้รับการกราบขอขมา โดยเป็นผู้รับพานดอกไม้จากตัวแทนเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดทั้งหมด ซึ่งในจำนวนเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้ง ๑๑๒ รายที่มาอยู่ร่วมกันนั้น มีเพียง ๓ รายที่อายุกาลพรรษามากกว่า นอกนั้นล้วนแล้วแต่อายุกาลพรรษาน้อยกว่าทั้งสิ้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องตีหน้าตาย ๆ รับการขอขมาในฐานะตัวแทนคณะพระวิปัสสนาจารย์
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2023 เมื่อ 16:18
|