ถ้าหากว่าภาวนาโดยอนุโลม คือ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ แล้วไม่สามารถที่จะทำให้ใจสงบได้ ท่านก็ยังให้ภาวนาย้อนหลัง ที่เรียกว่าปฏิโลม ก็คือ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา เมื่อต้องย้อนหลัง จำได้ยากขึ้น ก็ทำให้ต้องใช้สติระมัดระวังมากขึ้น อาจจะทำให้ใจสงบได้เร็วกว่าการภาวนาตามปกติ
เมื่อใจสงบแล้ว เรามาพิจารณาว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทั้ง ๕ อย่างนั้น เป็นสิ่งที่สกปรกได้ง่ายที่สุดในร่างกายของเรา ถ้าไม่ชำระสะสางแม้เพียงวันสองวัน บางทีตัวเราเองก็ยังทนไม่ได้ เมื่อเห็นชัดเจน จิตจะได้เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่ฟุ้งซ่านไปด้านกามารมณ์ ทำให้ผู้บวชสามารถอยู่สุขอยู่เย็น จนกระทั่งสึกหาลาเพศไปตามระยะเวลาที่ตั้งใจเอาไว้
สำหรับในเรื่องของการบวชนั้น ญาติโยมส่วนใหญ่ก็รู้แต่ว่าบวชลูกบวชหลานของตนเองจะได้บุญมาก ได้อานิสงส์มาก แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอานิสงส์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ซึ่งตรงนี้จะต้องบอกกล่าวกันให้ชัดเจนว่า
การบวชในเบื้องต้นท่านก็ได้อานิสงส์ในทาน ในศีล ในภาวนาไปแล้ว เมื่อบรรดาคู่สวดได้กล่าวประกาศท่ามกลางสงฆ์ว่า "อุปสัมปันโน สังเฆนะฯ" บัดนี้ได้อุปสมบทเป็นสงฆ์แล้วนะ อานิสงส์ที่ท่านทั้งหลายจะพึงมีพึงได้ในฐานะผู้เป็นศาสนทายาท สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ก็ได้สมบูรณ์บริบูรณ์ตอนนั้นแล้ว
การอยู่ต่อของท่านทั้งหลายก็ขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะสามารถทำให้อานิสงส์นั้นเพิ่มมากขึ้นหรือว่าลดน้อยถอยลง คำว่าเพิ่มมากขึ้นในที่นี้ก็คือการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่ลดน้อยถอยลง นั่นก็คืออาจจะไม่ทำอะไรเลย หรือไม่ก็มีการทำผิดทำพลาด จนกระทั่งติดลบไปก็มี..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2023 เมื่อ 03:17
|