"ประการต่อไปก็คือ ถ้าหากว่าอยู่แฟลตตำรวจ เมียผมเห็นข้างบ้านมีอะไรก็จะเอา แล้วใครเป็นคนจ่ายเงิน ? ก็ผมเอง แล้วเวลาว่างมีเยอะ ถ้าไม่มีอะไรบรรดาเมียก็เข้าวงไพ่กัน ผมก็ฉิบหายหนักขึ้นไปอีก..! เพราะฉะนั้น..ผมแยกตัวออกมาอย่างนี้ ถึงเวลาเกษียณ ผมมีที่ดิน ผมมีบ้าน ครอบครัวมั่นคง ผมก็ไม่เดือดร้อนเหมือนกับคนอื่น"
เห็นหรือยังว่า ที่ตอนบ่ายกระผม/อาตมภาพบอกกับท่านทั้งหลายว่า "เราต้องเปลี่ยนแนวคิดก่อน เราถึงจะเป็นคนพันธุ์ใหม่ได้" ทั้ง ๆ ที่มันก็โฮโมซาเปียนส์พันธุ์เก่านี่แหละ ก็คือต้องมีสติ รู้จักยั้งคิด ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ประทานพระบรมราโชวาทว่า เราจะซื้อก็ต่อเมื่อต้องใช้ ไม่ใช่ซื้อเอามาหมกไว้เต็มบ้าน
บางคนนี่กระทั่งถุงยังไม่เคยแกะเลย อาตมภาพเจอมาเอง สมัยน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ อาตมภาพส่งลูกน้องไปช่วยเขา ทั้งขนอาหารไปให้และก็ทั้งอพยพผู้เดือดร้อนออกมา มีคุณนายอยู่บ้านหนึ่ง เชื่อไหมว่าเรืออพยพที่นั่งได้เป็นสิบคน แกนั่งมาคนเดียวพร้อมกับกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ๑๐๐ กว่าใบ..! นั่นช่วยอะไรได้ตอนน้ำท่วมไหม ?
นี่คือเรื่องที่อยากจะฝากให้ท่านทั้งหลายไว้เป็นแนวคิด เพราะว่าถ้าเราปฏิบัติธรรมระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ค่อยเกิดผล อันดับแรก พวกเราต้องปรับแนวคิดของเราก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก โดยเฉพาะทำสมาธิช่วงเช้า ๓๐ นาที ช่วงเย็น ๓๐ นาที สร้างกำลังใจของเราให้มั่นคง มีสติ แล้วปัญญาจะตามมาเอง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2023 เมื่อ 03:14
|