ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 18-05-2023, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หัวหน้าเดิมกับคุณพนมหายไปประมาณ ๒ ชั่วโมง ปรากฏว่าคุณพนมกลับมาใหม่ พร้อมกับแปลนศาลาคร่าว ๆ ที่ตนเองไปร่างแบบมาเรียบร้อยแล้ว บอกว่า "มีศาลาขนาดนี้สักหนึ่งหลังก็จะดีนะครับ" กระผม/อาตมภาพมองแล้วก็บอกว่า "ดี..แต่ไม่ทำ..เพราะว่าไม่มีเงิน" ปรากฏว่าคุณพนมหายไปเฉย ๆ ผ่านไปสามวัน ก็พาลูกน้องขนวัสดุก่อสร้างมา มาถึงก็ลงไม้ลงมืออีโล้งโช้งเช้งทำเองไปเรื่อย กระผม/อาตมภาพก็ยังบอกว่า "เฮ้ย..ไม่มีเงินนะเว้ย ถึงคุณทำไปก็ไม่ได้สตางค์หรอก" คุณพนมก็ไม่สนใจ สั่งให้ลูกน้องทำไปเรื่อย

มีอยู่คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ปลุกกระผม/อาตมภาพแต่เช้ามืด บอกว่า "ให้เข้ากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลย..!" กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง ซึ่งตอนนั้นกว่าที่จะออกจากเกาะพระฤๅษีได้ ก็ต้องไปแจ้งทางป่าไม้ว่า "ช่วยเอารถยนต์ไปส่งที่ท่ารถอำเภอทองผาภูมิให้หน่อย" หลังจากนั้นก็ขึ้นรถเมล์แดงลงไปยังท่ารถ บขส.กาญจนบุรี แล้วค่อยต่อรถทัวร์เข้าสู่ยังสายใต้ เพื่อที่จะเดินทางไปยังจุดหมายอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ต่อไป

ปรากฏว่าเมื่อนั่งรถทัวร์มาจนถึงแถว ๆ เกือบจะถึงแยกอรุณอัมรินทร์ ก่อนที่จะขึ้นสู่สะพานพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เห็นหลวงปู่มหาอำพัน (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์) มายืนองค์โตเต็มถนน บอกว่า "คุณ..แวะวัดเทพศิรินทร์หน่อยครับ" กระผม/อาตมภาพก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า "กระผมได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ยังไม่ทราบเลยครับว่าท่านจะให้ไปไหน"

หลวงปู่ท่านบอกว่า "หลวงพ่อท่านให้ไปรับเงินที่วัดเทพศิรินทราวาส" กระผม/อาตมภาพเมื่อลงรถแล้ว จึงต้องต่อแท็กซี่แบบงง ๆ เพื่อที่จะเดินทางไปยังวัดเทพศิรินทราวาส โดยเข้าทางด้านโรงเรียนเทพศิรินทร์

เมื่อก้าวเข้าประตู ปรากฏว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งเดินสวนออกมา พอเห็นหน้า ฝ่ายชายก็ถามว่า "หลวงพี่มาจากไหนครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "อาตมภาพมาจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี" ท่านก็ถามต่อว่า "มาธุระอะไรครับ ?" ก็เรียนท่านไปว่า "หลวงพ่อฉันให้มาเอาเงินที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามาเอาเงินกับใคร" ผู้ชายคนนั้นจึงถามว่า "มาเอาเงินไปทำอะไรครับ ?" จึงได้เรียนบอกเรื่องการสร้างศาลา

ชายผู้นั้นจึงควักกระเป๋า เอาเงินสดถวายมา ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมกับนามบัตรใบหนึ่ง ซึ่งใครเห็นนามสกุลก็ต้องร้องอ๋อทันที เพราะว่าช่วงนั้นเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่ ๆ โต ๆ ในประเทศของเรานี่เอง พร้อมกับบอกว่า "กระผมปวารณาครับ ไม่ว่าท่านจะก่อสร้างขนาดไหนก็ตาม ถึงเวลาโทรมา กระผมจะถวายปัจจัยสนับสนุนงานให้เอง" กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะทราบว่า ครูบาอาจารย์ท่านหาเงินให้ด้วยวิธีนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2023 เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา