ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 05-06-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,691 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างในปัจจุบันนี้ ถ้าหากมีการอ้างอิงก็จะอ้างว่า "หลวงปู่ชาว่าอย่างนี้" "หลวงตามหาบัวว่าอย่างนี้" นี่คืออาจริยวาท วาทะหรือคำพูดของอาจารย์ ที่เขาจะยกขึ้นมาเพื่อที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ก็ได้ ก่อให้เกิดโทษก็ได้

การก่อประโยชน์ก็คือ ถ้าเป็นสิ่งที่ดีแล้วเราน้อมรับเข้ามาปฏิบัติ ก็จะได้ประโยชน์ตามนั้น เพราะว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านเก่งจริงดีจริงนั้นมีมาก แต่ถ้าเรายกขึ้นมาเพื่อข่มสายอื่น ตรงนี้ก็ "เป็นเรื่อง" ทันที เพราะว่าเท่ากับแบกกิเลสไปชนกัน

เรื่องนี้ตั้งแต่พุทธปรินิพพานได้ ๓ เดือน ความแตกแยกก็เกิดขึ้นแล้ว แต่ว่าความแตกแยกที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่คณะสงฆ์แตกกัน คือพอหลังพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน มีการสังคายนาพระธรรมวินัย ผ่านไป ๗ เดือนสำเร็จเรียบร้อย ปรากฏว่ามีพระปุราณเถระจากทักขิณาคีรีชนบท ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณสุไหงโกลก กว่าจะเดินทางไปถึงกรุงราชคฤห์ก็ผ่านไป ๗ เดือนแล้ว ถ้ารวมพุทธปรินิพพานด้วยก็ ๑๐ เดือนถ้วน

เขาทำการสังคายนาพระธรรมวินัยเสร็จแล้ว ด้วยความที่ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ มีลูกศิษย์มาก มีอาวุโสพรรษามาก คณะสงฆ์ให้ความเคารพ ก็ต้อนรับกราบไหว้ และเรียนถวายท่านไปว่า พระสงฆ์ได้มีมติในการสังคายนาพระธรรมวินัยดังนี้ ๆ พระปุราณเถระกล่าวว่า "ดูก่อนอาวุโส สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้กระทำนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่เราจะปฏิบัติเฉพาะที่ได้ยินมาต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น" มาบรรลัยตรงนี้เอง..!

เนื่องเพราะว่าบางอย่าง พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตเอาไว้เฉพาะกิจ เฉพาะเวลา อย่างเช่นเวลาเกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพงขึ้นมา พระสงฆ์ที่ห้ามสะสมอาหาร อนุญาตให้สะสมอาหารได้ ก็คือจากที่ห้ามหุงต้มเอง ห้ามเก็บไว้เอง ห้ามเก็บไว้ในที่อยู่ของตน ช่วงนั้นก็ทำได้ เมื่อพ้นจากทุพภิกขภัย คือความอดอยากผ่านพ้นไปแล้ว พระพุทธเจ้าก็ประกาศให้ยกเลิก

แต่ว่าท่านที่อยู่ไกลอย่างทักขิณาคีรีชนบท ข่าวไปไม่ถึง และไม่ได้ฟังจากพระโอษฐ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังคงมติเดิมเอาไว้ ก็คือของบางอย่างได้มาไม่ต้องประเคน เก็บอาหารเอาไว้เองได้ หุงต้มเองได้ เก็บไว้ภายในที่อยู่ได้ เหล่านี้เป็นต้น ก็แปลว่าแม้ความแตกแยกจะไม่ชัดเจน แต่ว่าแนวทางการปฏิบัติเริ่มแยกกันแล้ว พอ ๑๐๐ ปีผ่านไป ก็ไปแยกชัดเจนตรงการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๒ ก็คือกลายเป็น ๑๘ นิกาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา